ผู้แทนภาคเอกชน จ.ภูเก็ต เช่น หอการค้า, สภาอุตสาหกรรม, บริษัท ภูเก็ต พัฒนาเมือง จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนของคนภูเก็ต เสนอ "ภูเก็ตโมเดล” หรือจังหวัดนำร่องในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (ศบศ.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้วแต่ยังมีความกังวลว่าอาจจะทำให้มีการระบาดซ้ำ จึงยังไม่ได้รับการอนุมัติ และจะต้องรอการประชุม ครม.อีกครั้งในวันที่ 15 กันยายนนี้
ด้านผู้แทนภาคเอกชน นายธนูศักด์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต ยืนยันว่า ภูเก็ตโมเดล ภายใต้แผน 5T ยังคงเป็นแผนสำคัญที่จะฟื้นภูเก็ตได้ด้วยแนวทางการนำคนต่างชาติเข้ามา เช่น คนต่างชาติที่มีบ้านพักอยู่ในภูเก็ต และนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต มากกว่า 200 คน ที่เรียนหลักสูตรอินเตอร์ ก็มีความประสงค์กลับเข้าเรียนแล้ว ดังนั้นการใช้แผน 5T ต้องทำให้คุ้ม คุมให้อยู่ และจริงจัง ดังนี้
-TARGETING การกำหนดกลุ่มที่เดินทางเข้ามาโดย ศบค.และเลือกสถานที่กักตัวโดยเลือกกลุ่มประเทศที่มีอัตราการฟื้นตัวที่ดีที่สุด 20 อันดับแรก และกลุ่มประเทศที่มีอัตราการระบาดของโรคโควิด-19 ต่ำที่สุด 20 อันดับแรก มาผสมผสานกันแล้วคัดประเทศที่เป็นเป้าหมาย
-TESTING เมื่อกลุ่มเป้าหมายเดินทางมาถึงท่าอากาศยานภูเก็ต โดยเครื่องบินส่วนตัวหรือเช่าเหมาลำ ทุกคนต้องได้รับการตรวจแบบ PCR และรอผลตรวจ 2-5 ชั่วโมง ในห้องแยกที่การท่าอากาศยานฯ จัดไว้ให้ หลังจากได้รับผลตรวจแล้ว คนที่มีผลตรวจเป็นบวกจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล สำหรับคนที่มีผลเป็นลบจะเดินทางไปยังสถานที่กักตัว โดยรถที่ผ่านการตรวจและรับรองโดย ศบค. เป็นรถที่ไม่ปะปนกับนักท่องเที่ยวชาวไทยหรือคนภูเก็ต
-TRACING ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา จะต้องโหลดแอปพลิเคชั่นตามตัวที่สามารถติดตามได้แบบ Real Time นั่นคือ แอปพลิเคชั่น “หมอชนะ”
-TREATING การดูแลรักษา ภูเก็ตมีบุคลากร เครื่องมือ เวชภัณฑ์ ยา ที่เพียงพอ ทั้งจากโรงพยาบาลภาครัฐ เอกชน และโรงพยาบาลสนามที่เตรียมสำรองไว้ โดยจะมีตัวชี้วัดจากเตียงผู้ป่วย ICU ทั้งจังหวัด เพื่อให้สามารถรับมือได้ในกรณีที่พบการติดเชื้อ
-TRUSTING สร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจ โดยมีการสื่อสารให้ทุกภาคส่วน รวมทั้งชาวต่างชาติทราบถึงความพร้อมของภูเก็ตในการเตรียมการรองรับเฝ้าระวัง กำกับดูแล และป้องกันโควิด-19 ให้กับทุกคนที่เดินทางเข้ามายังภูเก็ต อีกทั้งจะมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อีกด้วย โดยกองทุนที่ว่านี้จะมาจากภาครัฐส่วนหนึ่ง และเก็บจากชาวต่างชาติคนละ 1,000 บาท สะสมไว้ใช้เยียวยาคนในจังหวัดภูเก็ต หากมีสถานการณ์ระบาดเกิดขึ้น
ขณะที่นายสรายุทธ มัลลัม ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า รายได้หลักภูเก็ตมาจากการท่องเที่ยวที่เป็นชาวต่างชาติ 10 ล้านคน และนักท่องเที่ยวคนไทย 4 ล้านคน แต่ตอนนี้เป็นศูนย์ ในขณะที่สถานประกอบการโรงแรมที่เปิดบริการได้ร้อยละ 31 ส่วนที่ต้องปิดตัวลงร้อยละ 69 ก็ยังมีรายจ่ายทุกวัน เช่น การจ้างงานที่จำเป็น เช่น พนักงานรักษาความปลอดภัย, พนักงานทำความสะอาด และช่างซ่อมบำรุง หากรัฐบาลไม่เร่งหาทางออก มีคนตกงานเพราะสถานประกอบการปิดตัวลงไม่น้อยกว่า 70,000 คน โดยเฉพาะโรงแรม
สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยก็เห็นตรงกันกับภูเก็ตโมเดล โดยนางคำตา ชัยจินดา เจ้าของตลาดมังกร ชาวจ.อุดรธานี เปิดเผยว่า อยู่ภูเก็ตตั้งแต่ปี 2547 ไม่เคยเจอผลกระทบที่หนักขนาดนี้ วันนี้แม้จะผ่อนคลายมาตรการลง แต่ตลาดก็ยังไม่สามารถค้าขายได้เต็มที่เพราะกลุ่มเป้าหมายหลักๆ จะเป็นชาวต่างชาติ จึงเห็นว่าการเปิดประตูให้นักท่องเที่ยวเข้ามาจะช่วยได้ แต่ย้ำการคัดกรองต้องเข้มงวดก่อนเข้าภูเก็ต
ขณะที่ น.ส.จิราพร อุตรพรม เจ้าของเล็กซี่บาร์ ซอยแสนสบาย กล่าวเช่นเดียวกันว่า พร้อมสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเห็นด้วยกับ TRUSTING ที่สร้างความเชื่อมั่นให้คนในชุมชนด้วยแผนกองทุนสำรองรับการระบาดรอบ 2 วันนี้สิ่งที่เลี้ยงตัวเองและลูกน้องได้ ก็เพราะเพื่อนช่วยเพื่อน
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศบริเวณหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ยามค่ำคืนซึ่งเดินสำรวจตั้งแต่ต้นซอยแสนสบาย เชื่อมต่อซอยบางลา ถึงหาดป่าตอง เห็นได้ชัดว่าคนภูเก็ตกำลังทรุดหนัก เพราะทั้งผู้ประกอบการธุรกิจ เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก บริษัทนำเที่ยว แม้แต่ร้านสะดวกซื้อชื่อดังต่างปิดตัวลง ไม่มีแม้แสงสว่างที่เคยคึกคักและเรียกว่าเป็น Walking Street ที่คึกคักที่สุดของภูเก็ต บางร้านเปิด แต่ด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป และแม้จะมีนักท่องเที่ยวไทยจากโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน” แต่รายรับที่ได้ยังไม่สามารถหล่อเลี้ยงและทดแทนรายจ่ายได้ และนับว่าได้รับผลกระทบอย่างหนักขึ้นทุกวัน
....