สหรัฐฯผลักดันผู้อพยพเด็กเกือบ 9,000 คนออกจากประเทศ

          ศาลสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ชายแดนผลักดันผู้อพยพเด็กที่ไม่มีผู้ดูแลเกือบ 9,000 คนออกจากประเทศโดยไม่ผ่านการพิจารณาในชั้นศาลภายใต้ข้อจำกัดเกี่ยวกับสถานการณ์ของโควิด-19

          ประกาศของศาลฉบับนี้อ้างอิงรายงานของนายราอูล ออร์ติซ รองหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนชายแดนสหรัฐฯ ต่อศาล พร้อมระบุว่า เนื่องจากฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกกฎหมายด้านสาธารณสุขเพื่อบังคับใช้ข้อจำกัดใหม่ที่ชายแดนเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ทำให้หน่วยงานต้องขับผู้ลักลอบเดินทางเข้าเมืองออกไปแล้วมากกว่า 159,000 คน โดยในกลุ่มนี้เป็นเด็กที่เดินทางมาตามลำพัง 8,800 คน และเด็กที่เดินทางมากับครอบครัว 7,600 คน

          การยื่นฟ้องของเจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดนซึ่งรายงานครั้งแรกโดย CBS News เปิดเผยรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับผู้ที่ถูกผลักดันออกจากประเทศภายใต้ข้อจำกัดด้านสาธารณสุข และเป็นส่วนหนึ่งของการฟ้องร้องรัฐบาลเกี่ยวกับคำสั่งที่มีความขัดแย้งกัน และทำให้เด็กตกอยู่ในอันตราย และเป็นการใช้ข้ออ้างด้านสาธารณสุขในการกีดกันผู้อพยพ

          โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้พิพากษาเขตสหรัฐฯ มีคำตัดสินว่าการกักขังผู้อพยพในโรงแรมนั้นไม่ปลอดภัย จึงมีคำสั่งให้รัฐบาลหยุดการปฏิบัติภายในวันที่ 15 กันยายน แต่หน่วยลาดตระเวนชายแดนสหรัฐฯ โต้แย้งว่าการให้ผู้อพยพเด็กอยู่ในศูนย์กักกันจะทำให้ประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยง และเป็นการแทรกแซงการทำงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งอาจทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 จากผู้อพยพ

....