*ป.ป.ช.คาดม.ค.58 รวบรวมข้อมูลยักยอกเงินเทคโนลาดกระบังแล้วเสร็จ/ตร.เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก3คน*

การดำเนินการตรวจสอบเงินส่วนกลางของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ถูกยักยอกสูญหายไปถึง 1,600 ล้านบาท นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีดังกล่าว ป.ป.ช.มีอำนาจที่จะเข้าไปตรวจสอบ เพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง คือ ผอ.ส่วนการคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยในเบื้องต้น กรรมการ ป.ป.ช.ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปรวบรวมข้อมูลในเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ เดือน ม.ค.2558 หลังจากรวบรวมหลักฐานแล้วก็จะเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป

ขณะที่ พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป.กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจชุดสืบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 3 คน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบจับกุม นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ และน.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี ผู้อำนวยการส่วนการคลัง ในข้อหาปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม ร่วมกันลักทรัพย์ รวมทั้งมีการถ่ายโอนเงินไปยังบุคคลที่ 3 จากการสอบปากคำนายพูนศักดิ์ ผู้ที่ได้รับโอนเงินจำนวน 85 ล้านบาท ล่าสุดพบข้อมูลว่า นายพูนศักดิ์ เคยซื้อบ้านด้วยเงินสดมูลค่า 24 ล้านบาท เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2557 โดยนายพูนศักดิ์ อ้างว่า ซื้อบ้านหลังนี้ใช้เงินที่ได้มาจากการพนันฟุตบอล ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าทรัพย์สินที่ได้มามีความเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ โดยหลังการสอบปากคำเสร็จเจ้าหน้าที่ยังไม่มีการแจ้งข้อหาใดๆ และได้ปล่อยตัวนายพูนศักดิ์ ไปเนื่องจากเจ้าตัวเดินทางเข้าให้ปากคำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตอนนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ออกหมายเรียกนายกิติศักดิ์ มัทธุจัด และนายจริวัฒน์ สหพรอุดมการ ซึ่งทั้งสองคนมีรายชื่อเป็นเจ้าของบัญชีที่ได้รับการโอนเงินต่อจากนายพูนศักดิ์ มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อเข้ามาให้ปากคำจากบุคคลทั้งสอง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้เรียกเจ้าหน้าที่ธนาคารที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่กองการคลังของสถาบันฯลาดกระบังมาสอบสวนเพิ่มเติมด้วย ส่วนความคืบหน้าการย้าย น.ส.อำพร มาที่โรงพยาบาลตำรวจ อยู่ระหว่างรอประสานห้องว่าง แต่ขณะนี้กำลังพิจารณาว่า อาจขออำนาจศาลนำตัวไปรักษาในเรือนจำ ภายหลังได้ยื่นคำร้องฝากขังไปแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อความปลอดภัย และสะดวกต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่