ผบ.ทบ. แนะดึงเยาวชน-กำลังพลเป็นนักรบไซเบอร์ของกองทัพบก

          การเผชิญหน้ากับสงครามไซเบอร์ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยอมรับว่า ปัจจุบันการรบไม่ได้มีเพียงแต่ในสนาม แต่สงครามไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในห้วง 5 ปีหลัง มีความหนักหนาสาหัส รุนแรง สร้างความโกลาหลได้มาก สามารถเปลี่ยนแปลงและสร้างความเข้าใจผิด มีการโน้มน้าวจิตใจ เปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตราย เรื่องไซเบอร์ จึงขอให้แนวทางกับทุกคน โดยเฉพาะเยาวชนถ้าอยากเป็นทหาร หน่วยต้องรับเพื่อเป็นกองกำลังไซเบอร์

          พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า การแข่งขันไซเบอร์เป็นเรื่องสำคัญ สามารถสร้างเยาวชนที่ดี มีความเข้าใจ เกิดความรักความสามัคคีระหว่างเยาวชนและหน่วยงานของกองทัพบก ซึ่งเยาวชนเหล่านี้ ถือว่าได้มีกิจกรรมร่วมกัน ขอให้เป็นแรงบันดาลใจการเล่นกีฬา รักษาสุขภาพร่างกาย ห่างไกลยาเสพติด ไม่หมกมุ่นกับสิ่งที่ไม่ดี พร้อมสนับสนุนเยาวชนและกำลังพล ทั้งที่เรียนอยู่และที่มีขีดความสามารถ หากสนใจรับราชการเป็นทหาร ต้องบรรจุเข้ารับราชการ เพื่อมาเป็นกำลังและเป็นนักรบไซเบอร์ของกองทัพบก

          ในวันนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้เป็นประธานการประชุมชี้แจงและสั่งการต่อผู้บัญชาการหน่วยขึ้นตรงวาระพิเศษ ครั้งที่ 7/2563 ณ หอประชุมกิตติขจร ณ กองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งถือเป็นวาระประจำปีของกองทัพบกที่ผู้บัญชาการทหารบกจะได้โอกาสมอบนโยบายให้หน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ประจำปี 2563

          พล.อ.อภิรัชต์ ได้มอบเป้สนามกองทัพบก แบบ A-1 ให้แก่กองทัพบก จำนวน 800 ใบ ที่ออกแบบโดยพล.อ.อภิรัชต์ เพื่อเป็นต้นแบบและยังมอบใบประกาศชมเชยในการตรวจสอบและประเมินผลการพัฒนาคุณภาพชีวิตกำลังพล และประสิทธิภาพของหน่วยทหารกองทัพบก ประจำปี 2563 และมอบเกียรติบัตรและเงินรางวัลให้แก่กำลังพลที่แข่งขันทักษะการปฏิบัติด้านไซเบอร์ภายในกองทัพบก และพิธีมอบโล่รางวัล และเงินรางวัลจากการจัดกิจกรรมการแข่งขัน Thailand Smart Soldier Strong Man Challenge ครั้งที่ 2

          หลังให้โอวาทบนเวทีเสร็จสิ้น ผู้บัญชาการทหารบก ได้เข้าสู่วาระประชุม เพื่อมอบนโยบายให้หน่วยขึ้นตรง ซึ่งการประชุมดังกล่าวถือเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการของพล.อ.อภิรัชต์ โดยคาดว่า จะมีการสั่งการเรื่องการทำงานเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของกำลังพลในช่วงที่มีสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่าง ๆ รวมถึงการใช้โซเชียลมีเดียที่ฝ่ายตรงข้ามจ้องโจมตีกองทัพ

          เจ้าหน้าที่ทหารกองบัญชาการกองทัพบก ได้ขอให้ผู้บังคับหน่วยระดับผู้บังคับกองพันขึ้นไปทั่วประเทศ ประมาณ 700 คนนำโทรศัพท์มือถือ วางไว้ที่โต๊ะหน้าประตูทางเข้า หอประชุมกิตติขจร ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลข่าวสาร เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วและมีมาตรการตรวจคัดกรองโรคและใส่หน้ากากอนามัยทุกคนก่อนเข้าประชุมด้วย