ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2563

11 กันยายน 2563, 06:43น.




จีน โต้กลับสหรัฐฯ แทรกแซงปัญหาทะเลจีนใต้ ด้านอาเซียน ไม่ต้องการเลือกข้าง 





          ท่าทีของจีนตอบโต้นายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ทันที หลังจากที่นายไมค์ ใช้เวทีการประชุมออนไลน์กับรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียน ที่ประเทศเวียดนาม เรียกร้องให้ชาติสมาชิกอาเซียนลงมือทำให้เห็นผลตัดการทำธุรกิจกับบริษัทที่ทำงานให้จีนในทะเลจีนใต้ เนื่องจากมองว่าเป็นการทำร้ายหลายประเทศในอาเซียนที่มีสิทธิ์ในทะเลจีนใต้เช่นเดียวกัน 


          นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ระบุว่า ผลประโยชน์ใหญ่ที่สุดของจีนในน่านน้ำทะเลจีนใต้คือ สันติภาพและเสถียรภาพ พร้อมกับกล่าวหาว่าสหรัฐฯกำลังเข้ามาแทรกแซงสร้างความตึงเครียดในข้อพิพาทต่างๆ ในทะเลจีนใต้ ก็เพื่อสนองความต้องการทางการเมืองของตนเอง และทำให้ประเทศในภูมิภาคต้องเสริมสร้างแสนยานุภาพทางการทหาร


          ด้านนายเร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย แสดงความกังวลกับการสะสมแสนยานุภาพทางทหารในทะเลจีนใต้ และไม่ต้องการให้อาเซียนเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับจีน 


          ขณะที่นายคอลลิน โก๊ะห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในสิงคโปร์ มองว่า อาเซียนไม่ต้องการเลือกข้างหรือถูกมองว่าเลือกข้าง แต่จะหารือกับจีนเกี่ยวกับความคืบหน้าของแนวปฏิบัติทางทะเลและการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 และจะพูดคุยกับสหรัฐฯเรื่องการเพิ่มการลงทุน 


          ฟิลิปปินส์ ออกตัวชัดเจนว่าจะไม่เดินตามสหรัฐฯเนื่องจากยังต้องการการลงทุนจากจีน แม้กรุงมะนิลามีความขัดแย้งกับกรุงปักกิ่ง ของจีน เกี่ยวกับแนวปะการังสการ์โบโรห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งประมงสำคัญในทะเลจีนใต้ และทำให้การเจรจาการค้าสะดุดลงก็ตาม


โดนโจมตี!คนร้ายโยนขวดสารเคมีใส่สำนักงานผู้นำฝ่ายค้านรัสเซีย ในไซบีเรีย 


         หลายประเทศกดดันให้รัสเซีย ชี้แจงประเด็นเรื่องการอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่นายอเล็กซี นาวาลนี คู่แข่งนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ถูกวางสารพิษโนวิช็อกทำลายประสาท ล่าสุด เกิดเหตุคนร้ายเข้าไปที่สำนักงานสาขาของนายนาวาลนี ในไซบีเรีย แล้วโยนขวดที่มีของเหลวสีเหลือง มีกลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นสารเคมี ทำให้อาสาสมัคร 3 คน เกิดอาการชักและหายใจไม่ออก รายงานระบุว่า คนร้ายเป็นชาย 2 คน สวมชุดออกกำลังกายและสวมหน้ากากปกปิดใบหน้าวิ่งตรงเข้าไปด้านในของสำนักงานแนวร่วมโนโวไซเบิร์สค์ 2020 (Coalition Novosibirsk 2020) ที่เป็นสำนักงานสาขาท้องถิ่นของทีมงานนายนาวาลนี ในไซบีเรีย และโยนขวดแก้วบรรจุสารดังกล่าวเข้าไปด้านในสำนักงาน ในช่วงนั้นมีคนอยู่ด้านในประมาณ 50 คน รวมพนักงานที่เข้าร่วมการอบรมสำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อสังเกตการณ์เลือกตั้งด้วย ทำให้ทุกคนต้องรีบออกจากห้อง เนื่องจาก ของเหลวมีกลิ่นเหม็นสารเคมีรุนแรง และหลายคนเริ่มไอ มีอาสาสมัคร 3 คน รู้สึกไม่สบาย มึนศีรษะ มีอาการชัก หายใจไม่ออก ต้องเรียกรถพยาบาลมารับตัวไป


         CNN รายงานว่า นายนาวาลนี เดินทางมาที่สำนักงานสาขาแห่งนี้ไม่กี่วัน ก่อนที่จะถูกโจมตีด้วยสารโนวิช็อกถึงขั้นโคม่า ส่วนอาการล่าสุด นายนาวาลนี สามารถพูดได้แล้ว และจำเหตุการณ์ได้ทั้งหมด รัฐบาลเยอรมนี สั่งเพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยที่โรงพยาบาลที่นายนาวาลนีพักรักษาตัวอยู่


ตร.ฮ่องกงจับผู้ประท้วงต้านรัฐบาลแล้วกว่าหมื่นคน



         สถานการณ์การประท้วงในฮ่องกงที่ยืดเยื้อทำให้ทางการฮ่องกง ห้ามการชุมนุมทุกรูปแบบตั้งแต่เดือนมี.ค.เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 แต่ยังมีการออกมาชุมนุมกันอย่างต่อเนื่อง ตำรวจฮ่องกง เปิดเผยว่า เฉพาะวันที่ 1 ก.ค. เป็นวันแรกที่กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของจีนเริ่มมีผลบังคับใช้ในฮ่องกง มีผู้ประท้วงถูกตำรวจจับกุมร่วม 370 คน และหากนับรวมเหตุประท้วงตั้งแต่ปีที่แล้วตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.ปีที่แล้ว มีการจับกุมกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลฮ่องกงแล้ว 10,016 คน ในจำนวนนี้ 2,210 คน ถูกตั้งข้อหาก่อการจลาจล ชุมนุม และครอบครองอาวุธโดยผิดกฎหมาย




'สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส' เตรียมเลิกจ้างพนง.กว่า 4,000 คน ขาดทุนครั้งแรกในรอบ 48 ปี



         สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส สายการบินแห่งชาติของสิงคโปร์ แถลงว่า วิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ทำให้สายการบินให้บริการได้เพียงร้อยละ 8 และจนถึงสิ้นสุดปีงบการเงินปัจจุบัน คือวันที่ 31 มี.ค.ปีหน้า คาดว่า จะยังให้บริการได้ไม่ถึงร้อยละ 50 รายได้จากเที่ยวบินของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ขึ้นอยู่กับเส้นทางต่างประเทศทั้งหมดคิดเป็นร้อยละ 100 ทำให้ต้องลดจำนวนพนักงาน 4,300 คน คิดเป็นร้อยละ 20 ของพนักงานที่มีอยู่ทั่วโลกและเป็นการเลิกจ้างพนักงานในครั้งเดียวจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสายการบิน



         ผลประกอบการปีงบการเงินล่าสุดของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มี.ค.ขาดทุนสุทธิ 212 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 4,847.57 ล้านบาท สถิติดังกล่าวถือเป็นการขาดทุนรายปีครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 48 ปี นับตั้งแต่สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เปลี่ยนชื่อจาก มาลายัน แอร์เวย์ส เมื่อปี 2515 ในขณะที่เมื่อปีงบประมาณก่อนหน้าได้กำไรสุทธิ 683 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 15,617.39 ล้านบาท 



         เมื่อเดือน มี.ค. เทมาเส็ก โฮลดิงส์ หนึ่งในกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์ อนุมัติสินเชื่อภายใต้เงื่อนไขมูลค่า 13,300 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 304,116.13 ล้านบาท ให้สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส 



หุ้นสหรัฐฯ ร่วงแรง คนอเมริกันตกงานกว่า 880,000 คน



         การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดเมื่อคืนนี้ผันผวนอย่างหนัก จากหลายปัจจัยสำคัญ



-ดาวโจนส์ ลดลง 405.89 จุด หรือร้อยละ1.45 ปิดที่ 27,534.58 จุด



-เอสแอนด์พี ลดลง 59.77 จุด หรือร้อยละ 1.76 ปิดที่ 3,339.19 จุด



-แนสแดค ลดลง 221.97 จุด หรือร้อยละ 1.99  ปิดที่ 10,919.59 จุด

-หุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่กลับมาดิ่งลงอีกรอบ ทั้งหุ้นของแอปเปิล อิงค์, ไมโครซอฟต์ คอร์ป และแอมะซอน ต่างร่วงลงอย่างน้อยร้อยละ 2



-กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่ามีผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 884,000 คน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 850,000 คน เนื่องจากในภาคอุตสาหกรรมมีการปลดพนักงานและให้พักงาน จากผลกระทบวิกฤตโควิด-19



-สภาคองเกรส ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจจากโควิด-19  เนื่องจาก วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันเสนอของบประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่พรรคเดโมแครต ต้องการให้ปรับงบประมาณเพิ่มเติม



ทำคนใกล้ตัวผวาหนัก! ผู้นำฝรั่งเศสถอดหน้ากากอนามัยออกแล้วไอ



          คลิปวิดีโอการถอดหน้ากากอนามัยแล้วไอของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ถูกแชร์ต่อในโลกโซเชียล ทำให้เขาโดนโจมตีว่าล้มเหลวในการใช้หน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรค เป็นเหตุการณ์ที่ประธานาธิบดีมาครง สวมหน้ากากอนามัยแบบผ้าสีขาว ไปออกงานที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเมืองแกลร์มง แฟร็อง ในจังหวัดปุย เดอ โดม แต่ปรากฏว่าระหว่างที่กำลังปราศรัยต่อหน้ากลุ่มนักศึกษาเกี่ยวกับอนาคตทางการศึกษาของเยาวชนชาวฝรั่งเศส เขาเริ่มมีอาการไออย่างต่อเนื่องจนต้องถอดหน้ากากอนามัยออกมา ทำให้คนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นต่างพากันผวา



         ผู้นำฝรั่งเศสถอดหน้ากากอนามัยออกมาแล้วไอใส่กำปั้นของตัวเอง ก่อนที่จะใส่หน้ากากอนามัยอีกครั้ง จากนั้นอีกไม่นานเขาก็ถอดหน้ากากอนามัยออกมาอีก และขอเปลี่ยนอันใหม่ที่หายใจสะดวกกว่าเดิม นอกจากนี้เขายังยื่นมือที่ไอใส่ ไปรับแก้วน้ำดื่มจากผู้ช่วยของเขา โดยไม่มีการล้างมือด้วยเจล หรือเช็ดมือให้สะอาดก่อน




         เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลของนายมาครง เพิ่งออกกฎหมายบังคับให้ประชาชนอายุตั้งแต่ 11 ปีขึ้นไป สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะของกรุงปารีส เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากที่มีกฎหมายบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเฉพาะเมื่ออยู่ในอาคาร ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 135 ยูโร หรือประมาณ 5,000 บาท  



         ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในฝรั่งเศสยังน่าวิตก ล่าสุดจำนวนผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 344,101 คน เป็นอันดับที่ 14 ของโลก ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 30,749 ราย



 



 

ข่าวทั้งหมด

X