นักวิจัยสหรัฐฯยังย้ำ พูดเบาๆ จะทำให้ละอองฝอยปนเปื้อนโควิด-19 แพร่กระจายในอากาศน้อยลง

10 กันยายน 2563, 17:51น.


          นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ นำโดยนายวิลเลียม ริสเทนพาร์ท เปิดเผยว่า การกำหนดบริเวณให้คนพูดเบาๆในอาคารที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่นโรงพยาบาลและร้านอาหารอาจจะช่วยลดการแพร่ระบาด หลังผลการศึกษาพบว่า การพูดเบาๆจะช่วยลดการแพร่ของละอองฝอยปนเปื้อนโรคโควิด-19 ทางอากาศ



          ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่าการพูดเบาๆ เช่น ลดระดับการพูดลงมาอยู่ที่ 6 เดซิเบล อาจจะช่วยลดการแพร่ระบาดได้พอๆกับติดเครื่องระบายอากาศในห้อง 2 ตัว ผลศึกษานี้ บ่งชี้ว่าหน่วยงานสาธารณสุขควรจะกำหนดพื้นที่สำหรับการพูดเบาๆในอาคารที่มีความเสี่ยงเช่น ห้องรอตรวจของโรงพยาบาลหรือห้องรับประทานอาหาร



          ทั้งนี้การพูดคุยตามปกติจะมีความดังเฉลี่ย 10 เดซิเบล แต่หากมีเสียงรบกวนเช่นในร้านอาหาร เราอาจจะพูดเสียงดังขึ้นเป็น 70 เดซิเบล แต่ไม่ใช่ทุกบริเวณของอาคารจะมีความเสี่ยงแพร่เชื้อทางอากาศเท่ากันหมด เช่นห้องเรียนที่มีนักเรียนแออัด แต่ไม่พูดเสียงดัง อาจจะเสี่ยงแพร่เชื้อโรคโควิด-19 น้อยกว่าห้องร้องเพลงคาราโอเกะ ซึ่งไม่มีคนแออัด แต่มีการพูดคุยเสียงดัง หรือร้องเพลงด้วยเสียงดังมาก



          ก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลก(WHO)ได้เปลี่ยนแปลงข้อแนะนำในเดือนกรกฎาคม โดยยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่ละอองฝอยปนเปื้อนโรคโควิด-19 อาจจะแพร่เชื้อไวรัสทางอากาศ เช่น ระหว่างการร้องเพลงประสานเสียง ระหว่างอยู่ในร้านอาหารหรือเข้าฟิตเนส เพื่อออกกำลังกาย โดยละอองฝอยขนาดเล็กที่ออกมาทางปาก ขณะเราพูด จะระเหยในอากาศในลักษณะเป็นละอองฝอยมีขนาดใหญ่พอแพร่เชื้อไวรัสทางอากาศ หากเราพูดดังในระดับ 35 เดซิเบล หรือเทียบให้เห็นความต่างระหว่างพูดแบบกระซิบกับตะโกน โอกาสที่การพ่นฝอยละอองปนเปื้อนโรคโควิด-19 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 50



 



Cr: Reuters, Business Standard

ข่าวทั้งหมด

X