ตรวจเชิงรุกคัดกรองทั้งคนไทย-ต่างด้าว แนวชายแดนไทย-เมียนมา
นพ.เอนก มุ่งอ้อมกลาง ผู้อำนวยการสถาบันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง สถานการณ์การควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 ชายแดนไทย-เมียนมา พื้นที่ จ.ตาก ว่า สปคม.ได้ร่วมกับพื้นที่แม่สอด นำรถพระราชทาน 5 คัน ออกตรวจเชิงรุกที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อวันที่ 8-9 ก.ย. รวมทั้งสิ้น 2,635 คน แบ่งเป็นคนไทย 1,641 คน และต่างด้าว 994 คน คาดว่า จะทราบผลใน 24-48 ชม. และจะทำให้ประเมินได้ว่าสถานการณ์แม่สอดมีการระบาดหรือการติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ จากการติดตามความร่วมมือในการสวมหน้ากากอนามัยทำให้ทราบว่าฝั่งเมียนมา จากการประเมินพบว่าร้อยละ 98 ให้ความร่วมมือดี ส่วนฝั่งไทยให้ความร่วมมือร้อยละ 95 ขณะนี้ยังได้จัดทีมกว่า 300 คน คอยประจำตามชายแดน ทำหน้าที่เก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อ พร้อมกับอบรมพยาบาลและนักวิชาการสาธารณสุขให้ช่วยสนับสนุนการเก็บตัวอย่างส่งตรวจในพื้นที่ด้วย โดยประจำอยู่ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตามตะเข็บชายแดน
ส่วนคนที่ถูกเก็บตัวอย่างก็จะกักกันตัวไว้ ขณะนี้มีการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังโรคอยู่ 18 คน ขณะที่ สถานการณ์ฝั่งเมียนมามีการตรวจเชื้อและกักกันตัวเช่นกัน
คนใกล้ชิดดีเจ ติดเชื้อเพิ่มกว่า 1,000 คน ตรวจแล้วกว่าครึ่ง ผลตรวจเป็นลบ
การติดตามผู้สัมผัสผู้ต้องขัง อาชีพดีเจ ติดเชื้อโควิด-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า
-มีจำนวนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำรวม 1,003 คน
-ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 119 คน
-ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 884 คน
จำนวนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ มีผู้รับการตรวจแล้ว 569 คน 537 คน ผลระบุไม่พบเชื้อ 32 คน ยังรอผลตรวจ อย่างไรก็ตาม ยังรอติดตามผลตรวจกรณีในเรือนจำและห้างสรรพสินค้าเพิ่มเติม
นอกจากนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีก 1 คน ที่ถูกประกันตัวออกไปและขณะนี้ติดตามตัวมาได้แล้วอยู่ระหว่างการรอนัดหมายการเก็บตัวอย่างเพื่อหาเชื้อต่อไป
จนท.เช็คอาการทุกวัน 70 คน เพื่อนร่วมแมนชั่น ที่พักของชายชาวเกาหลีใต้
การตรวจสอบที่พักของผู้ติดเชื้อชายเกาหลีใต้ที่เดินทางออกจากประเทศไทยกลับเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ทีม operation 3 ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 15 ลาดพร้าว ลงพื้นสอบสวนโรคที่ เดอะสไมล์ แมนชั่น ลาดพร้าว 102 เขตวังทองหลาง
-ค้นหาผู้สัมผัส พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 2 คน (เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดแมนชั่น 1คน และเจ้าหน้าที่สำนักงาน 1 คน) ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 70 คน (ผู้เข้าพักอาศัยในแมนชั่น)
-เก็บตัวอย่างผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 2 คน ชนิด NPS + TS ส่งตรวจสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.)
-แจกชุด HQ จำนวน 2 ชุด แก่ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง พร้อมแนะนำการปฏิบัติตัว (HQ ถึงวันที่ 17 กันยายน 2563) โดย ศบส.15
-เฝ้าระวังในผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำสอบถามอาการทุกวันโดย ศบส.15 ลาดพร้าว และแนะนำให้ประเมินความเสี่ยงทาง BKK COVID
-แนะนำการทำความสะอาด การทำลายเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ 70% เช็ดถูตามราวบันได และบริเวณจุดสัมผัสร่วม (อาคารไม่มีลิฟท์)
หลังจากนี้ ยังคงต้องติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ รวมทั้งประสานเจ้าหน้าที่สำนักงานแมนชั่น (คุณกุ๊กไก่) เพื่อติดต่อคุณ Kim Taehung ทาง Line เพื่อสอบถาม Timeline กิจกรรมขณะอยู่ในประเทศไทย รวมทั้งประสานงานกับกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ศบศ.เห็นชอบมาตรการออกวีซ่าท่องเที่ยวพิเศษ ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ศูนย์บริหารสถานเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หรือ ศบศ. ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบมาตรการให้ออกวีซ่าท่องเที่ยวพิเศษให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ (Special Tourist Visa) เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย โดยจะต้องกักตัว 14 วัน เหมือนคนที่อยู่ต่างประเทศกลับเข้ามาในประเทศ หลังจากกักตัวแล้วไม่พบติดเชื้อโควิด-19 ก็สามารถเดินทางไปเที่ยวที่ต่างๆ ของประเทศไทยได้ทั้งหมด ตามที่นักท่องเที่ยวต้องการ อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปหารือรายละเอียดกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเลือกประเทศที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาได้ ไปหารือกับฝ่ายความมั่นคง รวมถึงศบค. หากทั้งหมดเห็นชอบก็ดำเนินการ หากไม่เห็นชอบก็ไม่ทำ
การเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวไทยภายใต้มาตรการภูเก็ตโมเดล ทำให้เกิดความสับสน จึงมีการปรับใหม่ เปิดให้ต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยได้เป็นการทั่วไป คาดว่า จะมีต่างชาติที่ต้องการมาพักผ่อนท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นระยะเวลายาวๆ พร้อมจะยอมถูกกักตัว 14 วัน เพื่อแลกกับการมาเที่ยวเมืองไทย โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จะเปลี่ยนมาตรการจากภูเก็ตโมเดล เป็นคำใหม่คือ STV ย่อมาจาก Special Tourist Visa ให้คนต่างชาติที่ต้องการเข้ามาในไทย จะต้องขอวีซ่าประเภทนี้ให้ได้ก่อน มีระยะเวลาให้อยู่ในไทยได้ 90 วัน และต่อได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน รวม 270 วัน ซึ่งเหมาะสมกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการมาพักระยะยาวในไทยและจะต้องถูกกักตัว
“อ.วิชา”ย้ำ ป.ป.ท.รับไม้ต่อคดี “บอส อยู่วิทยา” ดำเนินคดีอาญา-วินัย
นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน คดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา กล่าวว่า เมื่อนายกฯส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับดูแลของนายกฯแล้ว หน่วยงานก็ต้องทำเพราะถ้าไม่ทำก็จะมีความผิดตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทันที หรือโดนในเรื่องการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม โดยการทำงานของ ป.ป.ท.ไม่ใช่การสอบสวน แต่ให้ไปหาว่ามีชื่อใครบ้าง เพื่อที่จะส่งต่อไปให้หน่วยงานนั้นๆดำเนินการสอบทางวินัย หรือสอบจริยธรรมร้ายแรงหรืออาญา โดยจะต้องรายงานให้นายกฯรับทราบทุก 7 วัน โดยนายกฯบอกแล้วว่า เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วทาง ป.ป.ท. จะเปิดเผยเอง เนื่องจากมี พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารอยู่ สามารถเปิดเผยได้โดยไม่มีความผิด
กรณีคลิปเสียงการสนทนาเปลี่ยนแปลงความเร็วรถนายวรยุทธที่มีการถอดเทปออกมาเผยแพร่อยู่ในขณะนี้ นายวิชา ระบุว่า รับรองไม่ได้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ เพราะไม่ได้ออกมาจากตน หรือทางคณะกรรมการฯ ที่มีบางสำนักข่าวถอดเทปออกมาก็ว่ากันไป ถ้าถอดเทปออกมาอย่างนั้นแสดงว่า ต้องเป็นเจ้าของเต็มๆ ส่วนเรื่องที่ว่าถอดเทปออกมานั้นมีความใกล้เคียงกับข้อมูลของคณะกรรมการฯที่ได้หรือ ตอบไม่ได้ เพราะไม่รับรองในสิ่งที่ไม่ได้ทำ การันตีเฉพาะเอกสารที่ส่งให้นายกฯ ซึ่งนายกฯก็จะไปตรวจสอบเองว่า การถอดเทปนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร และเป็นอันเดียวกันหรือไม่
พรุ่งนี้ เรียก “ธนิต” มือร้องพลิกคดี บอส สอบปม มรรยาททนาย
นายนิพนธ์ จันทเวช เลขาธิการสภาทนายความฯ ในฐานะโฆษกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ได้ส่งจดหมายให้นายธนิต บัวเขียว ผู้ร้องขอความเป็นธรรมจากคณะกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (กมธ.กฎหมายฯ สนช.) จนเป็นผลให้ต่อมานายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ มาให้ข้อมูลในวันที่ 11 ก.ย. เวลา 15.00 น. กับคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงของสภาทนายความฯ เกี่ยวกับการทำหน้าที่และสอบถามในทุกประเด็นข้อสงสัย โดยเฉพาะเรื่องการไปยื่นขอความเป็นธรรม มีสาระสำคัญ เนื้อหาที่ยื่นไปมีอะไรบ้าง จากนั้นจะพิจารณาจากข้อเท็จจริง หากนายธนิต ไม่ได้ประพฤติผิดมรรยาททนายความ สภาทนายความฯก็ต้องจัดชุดช่วยเหลือเยียวยา แต่ว่าถ้าพบว่าทำผิดก็ต้องลงโทษตามความเหมาะสม
นายนิพนธ์ กล่าวว่า สภาทนายความฯได้จัดทำหนังสือส่งถึงคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดของ นายวิชา เพื่อขอความร่วมมือส่งข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ในส่วนของนายธนิต มาให้พิจารณาจะได้มาตรวจสอบอีกทางว่าเข้าข่ายผิดมรรยาททนายหรือไม่ หากนายธนิตไม่ได้เดินทางมาชี้แจงให้ข้อมูล คณะกรรมการมรรยาททนายความ ก็จะมีมาตรการจัดการตามความเหมาะสมต่อไป