WHO ชี้ว่าดีแล้วที่ระงับการทดลองวัคซีน หากพบความไม่ปลอดภัย
หลังจากที่บริษัทแอสตราเซเนกา บริษัทยาและชีวเภสัชภัณฑ์ของอังกฤษ-สวีเดน ประกาศหยุดการทดลองวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (AZD1222) ระยะสามที่เป็นระยะสุดท้าย หลังจากมีอาสาสมัครที่เข้ารับการฉีดวัคซีนมีอาการป่วยที่ยังไม่สามารถอธิบายสาเหตุได้ องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า การระงับการทดลองเป็นการชั่วคราวไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เมื่อพบอาการป่วยที่ไม่ทราบสาเหตุของอาสาสมัคร เนื่องจาก ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก WHO พอใจที่เห็นผู้พัฒนาวัคซีน ยึดมั่นในหลักการทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการทดลองและยึดถือมาตรฐานของแนวทางและกฎในการพัฒนาวัคซีนตามระเบียบอย่างเคร่งครัด
ด้านนพ.แอนโทนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อชาวอเมริกัน กล่าวว่า การตัดสินใจของบริษัทแอสตราเซเนกา ในการพักการทดสอบวัคซีนเป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่เป็นเรื่องธรรมดาของมาตรการความปลอดภัยในกระบวนการพัฒนาวัคซีน การตัดสินใจดังกล่าวไม่ใช่สิ่งผิดปกติในการพัฒนาวัคซีนและเขาก็หวังว่าบริษัทจะสามารถกลับมาดำเนินการตามกระบวนการทดสอบวัคซีนได้อีกครั้ง
อาสาสมัครทดสอบวัคซีนโควิด-19 มีอาการไขสันหลังอักเสบ
ยังไม่มีการเปิดเผยอาการป่วยของอาสาสมัคร เพียงแต่คาดว่า อาสาสมัครคนดังกล่าวจะหายดี นิวยอร์กไทมส์ รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า อาสาสมัครคนดังกล่าวอยู่ในอังกฤษมีอาการไขสันหลังอักเสบ ซึ่งปกติแล้วมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แต่ยังไม่ชัดเจนว่า เชื่อมโยงโดยตรงกับวัคซีนของแอสตราเซเนกาหรือไม่ วัคซีนดังกล่าวมีชื่อรหัสว่า AZD1222 เป็นการร่วมพัฒนากับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษ และอยู่ระหว่างการทดสอบในขั้น 3 ซึ่งก็คือในกลุ่มคนขนาดใหญ่ ทั้งในสหรัฐฯ อังกฤษ บราซิล และแอฟริกาใต้ ในอนาคตมีแผนทดสอบเพิ่มในญี่ปุ่นและรัสเซีย โดยมีเป้าหมายทดสอบกับอาสาสมัคร 50,000 คนทั่วโลก วัคซีนตัวนี้ยังได้รับการยอมรับจากWHOว่า อาจเป็นแคนดิเดตที่มีแววที่สุดและมีความคืบหน้าในการพัฒนามากที่สุด
ด้าน เดวิด โล ศาสตราจารย์วิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ริเวอร์ไซด์ ชี้ว่า การระงับการทดสอบอาจเป็นแค่มาตรการป้องกันไว้ก่อน ไม่ใช่การยกเลิกโดยสิ้นเชิง อาสาสมัครอาจมีอาการไข้และเจ็บปวด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่อาจรุนแรงกว่าปกติ
“ทรัมป์” ย้ำสหรัฐฯมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ก่อนสิ้นปี
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ มั่นใจว่า สหรัฐฯจะมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ก่อนสิ้นปี ประธานาธิบดีทรัมป์ ย้ำเรื่องนี้ระหว่างหาเสียงที่รัฐนอร์ทแคโรไลนาว่า เป็นไปตามโครงการ Operation Warp Speed ที่เป็นความร่วมมือภาครัฐและเอกชนของสหรัฐฯในการอำนวยความสะดวกและเร่งพัฒนาทั้งกระบวนการผลิตและแจกวัคซีน
กรณีที่บริษัทแอสตราเซเนกา ระงับการทดลองโดยสมัครใจเพื่อให้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อมูลความปลอดภัยของวัคซีน มองว่า เป็นขั้นตอนปกติที่ต้องทำเมื่ออาสาสมัครป่วยโดยหาสาเหตุไม่ได้ เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในการทดลองกับอาสาสมัครจำนวนมาก อย่างไรก็ดี การระงับการทดลองของแอสตราเซเนกาไม่กระทบต่อการทดลองของบริษัทยาอีกสองแห่งคือ โมเดอร์นาและไฟเซอร์ที่อยู่ในโครงการ Operation Warp Speed และจะเริ่มทดลองระยะสามเช่นเดียวกัน
ปธน.เวเนฯ เสนอฉีดวัคซีนโควิด-19 ของรัสเซียให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง
เมื่อเดือนส.ค.รัสเซียเป็นประเทศแรกของโลกที่ให้การอนุมัติการจดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 วัคซีน Sputnik-Vแม้ว่าวัคซีนดังกล่าวใช้เวลาทดลองทางคลินิกกับคนไม่ถึง 2 เดือน และยังไม่มีการทดลองในเฟส 3 ขณะที่การทดลองทางคลินิกประสบความสำเร็จเพียงร้อยละ 10 ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ของเวเนซุเอลา เสนอให้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของรัสเซียให้กับผู้สมัครเลือกตั้ง 14,400 คนที่ลงสมัครเลือกตั้งสภานิติบัญญัติในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ เพื่อให้สามารถหาเสียงเลือกตั้งได้อย่างปลอดภัย
ฝ่ายตรงข้ามของนายมาดูโร วางแผนจะคว่ำบาตรการเลือกตั้ง โดยให้เหตุผลว่าการเลือกตั้งดังกล่าวล็อกผลไว้แล้ว
ผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย ในเมียนมา มีโรคประจำตัว
กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาเมียนมา รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมเป็น 12 ราย ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ป่วยชายวัย 51 ปี และผู้ป่วยหญิงอายุ 57 ปี ที่มีอาการความดันโลหิตสูงและเบาหวาน เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวและระบบหายใจล้มเหลวเฉียบพลันเนื่องจากโควิด-19
นอกจากนี้ ยังพบผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศเพิ่มอีก 98 คน ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สะสมรวมเป็น 1,889 คน ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่อยู่ในกรุงเนปิดอว์ เขตย่างกุ้ง เขตพะโค รัฐยะไข่ และรัฐกะฉิ่น
กระทรวงได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไปแล้ว 179,471 ตัวอย่าง และมีประชาชนอยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง 8,395 คน
เมียนมา เริ่มต้นการหาเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศที่กำหนดไว้ในวันที่ 8 พ.ย.แต่เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่น่าไว้วางใจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข แนะนำให้ผู้สมัครชะลอการหาเสียงไว้ก่อน ล่าสุด มีรายงานอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวในทำเนียบประธานาธิบดีเมียนมาและสำนักงานมนตรีแห่งรัฐว่ามีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งมีผลตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นบวก ทำให้บุคลากรจากหน่วยงานทั้งสองแห่งรวมกันเกือบ 30 คน ต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 เพื่อเฝ้าระวัง ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่าผู้ติดเชื้อคือใคร
รายงานระบุว่าหนึ่งในบุคคลที่ต้องกักตัว คือนายซอว์ เตย์ โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดี ซึ่งปฏิบัติงานที่ทำเนียบมนตรีแห่งรัฐด้วย และเป็นคนที่ทำงานใกล้ชิดประธานาธิบดีวิน มยินต์ และนางออง ซาน ซูจี มนตรีแห่งรัฐและรมว.กระทรวงการต่างประเทศ แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ประธานาธิบดีและมนตรีแห่งรัฐต้องกักตัวด้วยหรือไม่ เพราะว่าเมื่อวันอังคาร ทั้งสองคนเข้าร่วมพิธีเชิญธงสัญลักษณ์พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ( เอ็นแอลดี ) ขึ้นสู่ยอดเสาเป็นสัญญาณของการเริ่มแคมเปญหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งทั่วไป
รุนแรงอีก! ตร.เมืองซอลต์เลคซิตี้ ยิงวัยรุ่นชายออทิสติก เจ็บสาหัส
กรณีการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของตำรวจอเมริกัน กลายเป็นข่าวฉาวอีกครั้ง เกิดขึ้นที่เมืองซอลต์เลคซิตี้ รัฐยูทาห์ เมื่อนางโกลดา บาร์ตัน เปิดเผยกับสถานีทีวีท้องถิ่นในซอลต์เลคซิตี้ ว่า ลินเดน คาเมรอน ลูกชายออทิสติกวัย 13 ปี ของเธอถูกตำรวจยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากที่นางบาร์ตัน โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจาก 911 ให้พาคาเมรอนไปโรงพยาบาล เนื่องจากลูกชายของเธอโกรธและตะโกนกรีดร้องตอนที่เธอต้องกลับไปทำงานครั้งแรกในรอบระยะเวลาเกือบปี นางบาร์ตัน ยืนยันว่า บอกตำรวจว่า คาเมรอนไม่มีอาวุธ แต่กรีดร้องเพราะอาการผิดปกติทางจิตและพยายามเรียกร้องความสนใจแต่ในช่วงที่ลูกชายของเธอวิ่งหนี ตำรวจนายหนึ่งกลับชักปืนยิงและกระสุนโดนเข้าที่ไหล่ ลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ และข้อเท้าของคาเมรอน
เคธ ฮอร์ร็อกส์ โฆษกสำนักงานตำรวจเมืองซอลต์เลคซิตี้ เปิดเผยว่า ตำรวจนายนั้นสงสัยว่า เด็กชายวัยรุ่นมีอาวุธ แต่ยอมรับว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบอาวุธ คาเมรอนเป็นเด็กชายผิวขาว เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งในหมู่ตัวแทนผู้ทุพพลภาพในท้องถิ่น เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนขอความช่วยเหลือจากตำรวจ แต่กลายเป็นว่า ตำรวจกลับทำให้เกิดอันตรายเอง