การใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ในส่วนของแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 400,000 ล้านบาท นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เปิดเผยว่า ขณะนี้การดำเนินโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมได้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ไปแล้วหลายโครงการ คิดเป็นเงินกว่า 45,091 ล้านบาท ยังเหลือวงเงินอีก 47,308 ล้านบาท ซึ่ง สศช.จะกลั่นกรองโครงการที่เหลือก่อนเสนอให้ที่ประชุมครม.เห็นชอบภายในเดือนก.ย.นี้ โดยเงินส่วนใหญ่จะลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจเดือนต.ค.2563
หากเงินก้อนนี้ผลักดันออกไปจนหมด คิดเป็นเงินกว่า 9.24 หมื่นล้านบาท ถือเป็นเงินก้อนแรกที่จะเข้าไปจ้างงานได้ 4.1 แสนล้านตำแหน่ง และในช่วงถัดไป สศช.จัดทำมาตรการกระตุ้นในรอบที่ 2 เน้นการท่องเที่ยว จ้างงาน และพัฒนาทักษะ มีวงเงินอีกประมาณ 100,000ล้านบาท ซึ่งเงินก้อนนี้จะลงไปเป็นระยะๆ เหมือนที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าเงินจะลงไปเป็นระยะๆ ประมาณ 4 ครั้ง
ส่วนกรณี คณะกรรมการฯ ทยอยใช้เงินก้อน 400,000ล้านบาท ไม่ได้ใช้ครั้งเดียวหมด เป็นเพราะว่ายังต้องติดตามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 หากกลับมาระบาดรอบ 2 ก็จะมีวงเงินเหลือไว้ใช้จ่าย แต่หากโชคดีไม่มีการระบาดรอบ 2 เงินที่เหลืออยู่ก็จะนำไปใช้ในแพ็คเกจอื่นๆ ซึ่ง ศบศ. ก็กำลังคิดแพ็คเกจอยู่ หากมีการพิจารณารายละเอียดชัดเจนแล้ว จะเสนอครม.ต่อไป
ขณะที่ภาพรวมเงินการใช้เงินกู้ตามพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ในส่วนของแผนงานด้านสาธารณสุข วงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ว 100 ล้านบาท ด้านแผนงานเยียวยาผลกระทบจากไวรัสวิด-19 วงเงิน 5.5 แสนล้านบาท ใช้ไปแล้ว 2.9 แสนล้านบาท ยังเหลืออยู่ 2.1 แสนล้านบาท และในด้านฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 400,000ล้านบาท ขอใช้ไปแล้ว 9.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งอนุมัติไปแล้ว 4.5 หมื่นล้านบาท
ด้านนายอนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ในวันที่ 9 ก.ย.นี้ คณะกรรมการฯ จะมีการพิจารณาโครงการขอใช้เงินกู้ที่สำคัญๆ วงเงินรวม 2-3 หมื่นล้านบาท อาทิ โครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อจ้างงานนักศึกษาให้เข้าไปช่วยงานราว 3,000 ตำบล อัตราจ้าง 60,000 ราย, โครงการเกษตรแปลงใหญ่ จะช่วยปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิตภาคการเกษตร, โครงการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ของกองทุนหมู่บ้าน เป็นการทำผลิตภัณฑ์ของชุมชน และส่งเสริมการท่องเที่ยว