นายเคอร์ กิบส์ ประธานสภาหอการค้าสหรัฐฯประจำนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เปิดเผยว่า ผลสำรวจประจำปีโดยสภาหอการค้าสหรัฐฯ ร่วมกับบริษัทวิจัยตลาด ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PWC)สาขาประเทศจีน สอบถามความคิดเห็นของผู้บริหารบริษัทสหรัฐฯรวม 346 แห่งในประเทศจีนระหว่างวันที่ 16 มิถุนายนถึงวันที่ 16 กรกฎาคม พบว่าร้อยละ 50 รู้สึกผิดหวังที่ความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ-จีน ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดสองอันดับแรกของโลกอาจจะยืดเยื้อไปอีกอย่างน้อย 3 ปี เพิ่มจากร้อยละ 30 ในการสำรวจเมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ บริษัทสหรัฐฯต้องการให้ประเทศทั้งสองเร่งหาทางคลี่คลายปัญหาต่างๆที่ยังคาราคาซังอยู่ และหาทางลดความตึงเครียดโดยเร็ว พร้อมเสนอแนะให้ทั้งสองฝ่ายร่วมจัดทำแนวทางแห่งการทำงานร่วมกันในระยะ 10 ปีข้างหน้า หารืออย่างสม่ำเสมอ จะเป็นทางออกหนึ่งที่จะช่วยปรับปรุงสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายให้ดีขึ้นในอนาคต
ขณะที่ร้อยละ 27 เห็นว่าความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ-จีนจะยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนและปัญหานี้จะยังคงคาราคาซังไปอีกนาน ตัวเลขนี้เพิ่มจากเดิมร้อยละ 13 ในปีที่แล้ว ขณะที่บริษัทสหรัฐฯคิดเป็นสัดส่วนหนึ่งในสามที่ประกอบธุรกิจในจีน ยอมรับว่าพวกเขาอาจจะลดจำนวนพนักงานเพื่อให้บริษัทฯอยู่รอด ท่ามกลางสถานการณ์ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นเท่าที่ควร ทำให้บริษัทสหรัฐฯในจีน ลดการลงทุนเหลือร้อยละ 29 จากร้อยละ 47 เมื่อปีที่แล้ว
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ-จีนมีความตึงเครียดมาตั้งแต่ทั้งสองฝ่ายทำสงครามการค้าในปีที่แล้ว การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกในปีนี้ อีกทั้งขึ้นบัญชีดำหรือขู่จะขึ้นบัญชีดำบริษัทเทคโนโลยีจีนในสหรัฐฯ รวมทั้งแอปพลิเคชั่นติ๊กต๊อก ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติเมื่อเร็วๆนี้ กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองอย่างต่อเนื่อง
Cr: Reuters