ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันอังคารที่ 8 กันยายน 2563
หมอยง ย้ำไทยต้องลงทุน ถอดรหัสพันธุกรรมโควิด-19 ในประเทศ หลังมีผู้ติดเชื้อซ้ำ
การติดเชื้อโรคโควิด-19 ซ้ำ เป็นประเด็นคำถามที่หลายคนอยากรู้คำตอบ ในวันนี้ ศ.นพ. ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ความรู้เรื่องการถอดรหัสพันธุกรรมในเฟซบุ๊ก ส่วนตัวระบุว่า ‘ปัจจุบันทั่วโลกมีการถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัสก่อโรค โควิด-19 แล้วร่วม 100,000 ตัว ทำได้รวดเร็วมากกว่าโรคใดๆ เรารู้กันดีว่าเราใช้ DNA ในการพิสูจน์เอกลักษณ์ของบุคคลได้ เราถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัส เพื่อประโยชน์ให้รู้เกี่ยวกับกลไกในการเกิดโรค ติดตามด้านระบาดวิทยา หาสาเหตุต้นตอของโรค เช่น ในการพบรายใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย พันธุกรรมจะช่วยบอกว่าเป็นสายพันธุ์เดิมในการระบาดรอบแรก หรือเกิดขึ้นใหม่ และมีสายพันธุ์หรือต้นตอ ใกล้กับสายพันธุ์ของประเทศใดที่ระบาดอยู่ขณะนี้
การติดเชื้อซ้ำ ก็จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าสายพันธุ์ที่ติดเชื้อครั้งแรก กับสายพันธุ์ที่ติดเชื้อใหม่เป็นคนละสายพันธุ์กัน ขณะนี้มีผู้ป่วยอย่างน้อย 5 คนที่พิสูจน์ทางพันธุกรรมว่าเป็นการติดเชื้อซ้ำ โดยใช้ข้อมูลพันธุกรรม มาพัฒนาการตรวจวินิจฉัยพัฒนา หายาต้านไวรัสรวมทั้งการพัฒนาวัคซีน ก็จำเป็นต้องรู้รหัสพันธุกรรมของไวรัส เราจำเป็นต้องลงทุนในการเลือกถอดรหัสพันธุกรรมของโควิด-19 ในประเทศไทย’
คนใกล้ชิดนักโทษคดียาเสพติด ไม่ติดเชื้อโควิด-19
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผย ความคืบหน้าการสอบสวนโรคในกลุ่มเสี่ยงสัมผัสกับดีเจผู้ต้องขังคดียาเสพติด โดยสำนักอนามัย กทม. ได้จัดทีม SWAB เพื่อหาเชื้อ และสอบสวนโรคผู้สัมผัสเสี่ยงทั้งในส่วนของร้านสามวันสองคืน สาขาพระราม 3, ร้าน first cafe ถนนข้าวสาร, คอนโดที่พักอาศัยย่านทุ่งครุ ,ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานพิเศษกลางแล้ว เบื้องต้นผลการตรวจทางห้องแล็บปรากฏว่า ผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อ อย่างไรก็ตาม กทม.ได้ย้ายกลุ่มที่ใกล้ชิดและเสี่ยงสูงไปกักตัวตัวใน Local Quarantine เพื่อติดตามและเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด
ฮ่องกง เตรียมเจรจากับไทย Travel Bubble ไม่กักตัว 14 วัน
หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 ในฮ่องกงเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่รายวันลดลงเหลือตัวเลขหลักเดียวจากเดิมตัวเลขสามหลัก ทำให้รัฐบาลฮ่องกง ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นางโซเฟีย ชาน รัฐมนตรีอาหารและสุขภาพของฮ่องกง เปิดเผย มาตรการคลายล็อก ดังนี้
-11 ก.ย.อนุญาตให้ประชาชนรวมกลุ่มในสถานที่สาธารณะเพิ่มขึ้นจากเดิม 2 คน เป็นไม่เกิน 4 คน
-18 ก.ย.จะเปิดพื้นที่นันทนาการทั้งกลางแจ้งและในร่ม เช่น สวนสนุกและศูนย์ประชุม
-23 ก.ย. เปิดโรงเรียน หลังจากนักเรียน 900,000 คน เรียนผ่านระบบออนไลน์อยู่ที่บ้านมากกว่า 4 เดือน
นอกจากนี้ ฮ่องกง อยู่ระหว่างหารือโครงการเดินทางข้ามพรมแดนโดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน (Travel Bubble) กับหลายประเทศ เช่นสิงคโปร์และประเทศไทย
เมื่อสัปดาห์ก่อน ฮ่องกง อนุญาตให้ฟิตเนสและร้านนวด เปิดบริการตามปกติ พร้อมทั้งอนุญาตให้ร้านอาหารที่ให้บริการแบบให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารเปิดให้บริการได้จนถึง 22.00 น.จากเดิม 21.00 น.นอกจากนั้น รัฐบาลอนุญาตให้ร้านอาหารสามารถเพิ่มจำนวนเก้าอี้ 4 ตัวสำหรับโต๊ะอาหารแต่ละโต๊ะจากเดิมให้มีเก้าอี้เพียง 2 ตัว แต่ฮ่องกง ยังปิดสระว่ายน้ำต่อไป ฮ่องกงมีผู้ป่วยสะสม 4,889 คน เสียชีวิต 98 ราย
ผู้นำจีนเผยจีนย้ำโปร่งใส-รับผิดชอบ เพื่อคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน กล่าวว่า ประเทศจีนดำเนินการอย่างเปิดเผย โปร่งใสและมีความรับผิดชอบในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผู้นำจีนพูดเรื่องนี้ในพิธีมอบเหรียญเชิดชูเกียรติให้กับบุคคลต้นแบบ 4 คนที่มีผลงานโดดเด่นในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศจีน โดยพิธีมอบเหรียญเชิดชูเกียรติจัดขึ้นในกรุงปักกิ่งในวันนี้
นายสี กล่าวว่า รัฐบาลได้ตั้งศูนย์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการแพร่ระบาดทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ค้นหาความจริงจากแหล่งข้อมูลต่างๆ พร้อมทั้งพิมพ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการแพร่ระบาดอย่างเปิดเผย โปร่งใสและอย่างมีความรับผิดชอบตามพันธกรณีระหว่างประเทศทุกอย่าง นายสีกล่าวว่า จีนได้รายงานข้อมูลเรื่องเชื้อไวรัสให้องค์การอนามัยโลก(WHO), ประเทศต่างๆและองค์การระหว่างประเทศทั่วโลกทราบในเวลาอันรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้คำมั่นว่าจีนจะทำงานร่วมกับนานาชาติเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
สำหรับบุคคลทั้ง 4 คนที่ได้รับการยกย่องครั้งนี้ ได้แก่ นพ.จง หนานซาน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินหายใจของประเทศจีน,นพ.จาง ป๋อลี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนที่วิจัยการรักษาโรคโควิด-19 โดยใช้วิธีผสมผสานแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนตะวันตก,นพ.จาง ดิงอวี้ หัวหน้าแผนกรักษาโรคโควิด-19 ประจำโรงพยาบาลจินอิ๋นถานในเมืองอู่ฮั่น และดร.เฉิน เหว่ย นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ระดับสูงของกองทัพจีนที่ประสบความสำเร็จด้านการวิจัยวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
อินเดียเตรียมเปิดทัชมาฮาลให้ประชาชนเข้าชมอีกครั้งหลังปิดมาเป็นเวลากว่า 6 เดือน
สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในอินเดีย รองผู้อำนวยการหน่วยงานท่องเที่ยวของรัฐอุตตรประเทศทางตอนเหนือของอินเดีย เปิดเผยว่า จะเปิดทัชมาฮาลให้เข้าชมได้อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 21 กันยายนเป็นต้นไป หลังปิดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม ตามมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดของทางการอินเดีย แต่ผู้เข้าชมจะต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 เช่น การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลและการสวมหน้ากากอนามัย อีกทั้งยังจำกัดจำนวนผู้เข้าชม 5,000 คนต่อวันจากปกติที่มีผู้เข้าชมราว 20,000 คนต่อวัน ทัชมาฮาลตั้งอยู่ที่เมืองอัคราในรัฐอุตตรประเทศ ซึ่งเป็นรัฐหนึ่งของอินเดียที่เผชิญกับการระบาดรุนแรงของโรคโควิด-19 โดยมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 270,000 คน
โฆษกกองทัพบก ยืนยันทหารเคลื่อนยุทโธปกรณ์เพื่อการฝึกตามวงรอบเท่านั้น
กระแสข่าวลือว่ากองทัพบกมีการขนย้ายยุทโธปกรณ์เพื่อเตรียมทำการปฏิวัติรัฐประหาร พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เป็นการบิดเบือนข้อมูล โดยมีการนำเรื่องเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ที่ในช่วงนี้เป็นช่วงการฝึกตามวงรอบประจำปีของหน่วยในกองทัพบกไปเชื่อมโยงกับเรื่องรัฐประหาร ที่ผ่านมาเรื่องการฝึกทางกองทัพบกได้แจ้งประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อเนื่องเป็นระยะ จึงไม่ต้องการให้บางกลุ่มบางบุคคลที่ได้รับข่าวสารข้อมูลไม่ครบถ้วนไปบิดเบือน จนทำให้สังคมเกิดความสับสนและเข้าใจผิด
หุ้นไทยหลุด 1,300 จุด การเมืองกดดันตลาด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,293.80 จุด ลดลง 18.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,368.66 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงจนหลุดแนว 1,300 จุด เป็นการชดเชยช่วงที่ตลาดในประเทศปิดทำการแล้ว ตลาดต่างประเทศต่างปรับตัวลงกันมาก โดยวันนี้หุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมีต่างปรับตัวลงมาก ส่วนหุ้น CPF ก็มีประเด็นเรื่องราคาหมูที่มีแนวโน้มอ่อนลง ปัจจัยภายนอกก็มีเรื่องความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และ จีนที่มีมากขึ้น
ส่วนในประเทศเองก็ไม่มีปัจจัยบวกหนุน หลังจากที่นายปรีดี ดาวฉาย ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังไม่มีการพูดถึงการหารมว.คลังคนใหม่ ทำให้ความเชื่อมั่นหายไป ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยังตกลงกันไม่ได้ ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ที่เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีและยังมาเจอปัญหาการเมืองอีก ทำให้ไปกดดันตลาดฯ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 126.31 ล้านบาท
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดบวกในวันนี้ โดยฟื้นตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วันตามทิศทางตลาดหุ้นยุโรป ที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ขณะที่นักลงทุนรอตลาดวอลล์สตรีทเปิดทำการอีกครั้งในวันนี้หลังจากปิดทำการวันจันทร์เนื่องในวันแรงงานสหรัฐฯ ดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับ 23,274.13 จุด เพิ่มขึ้น 184.18 จุด
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดวันนี้ปรับตัวขึ้น สอดคล้องกับทิศทางของตลาดหุ้นในภูมิภาค ท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ปิดวันนี้ที่ 24,624.34 จุด เพิ่มขึ้น 34.69 จุด
คนไทยเดินทางวันหยุดยาว ต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 10
วันหยุดยาววันที่ 4 -7 ก.ย. 63 นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากที่กระทรวงคมนาคมได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็ว และดูแลความปลอดภัยการเดินทางของประชาชน รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ได้มีการสรุปข้อมูลในช่วงเวลาดังกล่าวพบว่า มีประชาชนเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ 9,824,158 คน/เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการร้อยละ10.92 มีปริมาณการจราจรเข้า – ออกกรุงเทพฯ จำนวน 14,056,015 คัน สูงกว่าประมาณการร้อยละ38.63 โดยพบว่าส่วนใหญ่
เป็นรถยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 13,236,716 คัน
ส่วนของการเกิดอุบัติเหตุบนถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม ในช่วงระหว่างวันที่ 3 – 7 ก.ย.63 พบว่า มีจำนวนอุบัติเหตุเกิดขึ้น 405 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 59 ราย บาดเจ็บ 365 คน จุดที่เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่เป็นทางตรงร้อยละ 83.33มีสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เกิดจากการขับรถเร็วเกินกำหนด ส่วนสถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดเกิดที่กรุงเทพมหานคร มากที่สุดจำนวนถึง 38 ครั้ง สำหรับอุบัติเหตุที่มีรถจักรยานยนต์เกี่ยวข้อง จำนวน 116 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 31 ราย เกิดที่จังหวัดสุพรรณบุรีมากที่สุด จำนวน 9 ครั้ง และมีอุบัติเหตุบนระบบขนส่งสาธารณะโดยรถโดยสารสาธารณะจำนวน 3 ครั้ง โดยไม่มีรายงานอุบัติเหตุในบริการขนส่งสาธารณะทางรถไฟ ทางเรือ และเครื่องบิน โดยการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากผู้ใช้บริการอย่างดีในช่วงที่มีการเดินทาง
ครม.เห็นชอบโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย 26 ตำแหน่ง
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบบัญชีแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ รวม 26 ตำแหน่ง ที่น่าสนใจ มีดังนี้
1.นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดตาก
2.นายเอกรัฐ หลีเส็น พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล
3.นายธีระ อนันตเสรีวิทยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร
4.นายเจริญศักดิ์ เจริญโสภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง
5.นายเจษฎา จิตรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส
6.นายสมหวัง พ่วงบางโพ รองอธิบดีกรมการปกครอง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่
7.นายชลธี ยังตรง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ทั้งนี้นับตั้งแต่วันที่ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป
ชื่อคล้ายกัน ม.รามคำแหง ยืนยัน สันติ พร้อมพัฒน์ เรียนจบจริง
มหาวิทยาลัยรามคำแหง ชี้แจงกรณีข่าวเกี่ยวกับวุฒิการศึกษาของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในประเด็นว่า สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงหรือไม่ นั้น มหาวิทยาลัยรามคำแหง ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายสันติ พร้อมพัฒน์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ จาก ม.ร.จริง
ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่า นายสันติ พร้อมพัฒน์ ทุจริตการสอบนั้น เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เนื่องจากขณะนั้นมีการทุจริตการสอบที่เกิดขึ้นของบุคคลอื่นที่มีชื่อคล้ายกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ คือ นายศานติ พรมพัฒน์ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้พิจารณาลงโทษทางวินัยไปแล้ว กรณีการทุจริตการสอบจึงไม่เกี่ยวข้องกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ แต่อย่างใด
ครม.เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติคู่ขนานกับแก้ไขรธน.
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอ ซึ่งเป็นการดำเนินการคู่ขนานกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภาและที่ภาคประชาชนเสนอ ทั้งนี้ มาตรา 256 (8) ของรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2560 ได้กำหนดให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะต้องมีการทำประชามติ ประกอบกับปัจจุบันยังไม่มีการตรากฎหมายเพื่อให้มีการออกเสียงประชามติ ที่ผ่านมาใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 ตราขึ้นตามรัฐธรรมนูญพุทธศักราช 2550 ซึ่งได้ยกเลิกไปแล้ว จึงมีความจำเป็นต้องยกร่างกฎหมาย พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ซึ่งวันนี้ ครม.เห็นชอบแล้ว ลำดับต่อไปจะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วน
ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างกฎหมายเกี่ยวกับการจัดทำประชามติ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้รายงานค่าใช้จ่ายในการจัดทำประชามติว่า หากเป็นสถานการณ์ปกติจะมีค่าใช้จ่ายราว 3,000 ล้านบาท แต่หากเป็นช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท รวมเป็น 4,000 ล้านบาท
โพลชี้ ไบเดน มีโอกาสชนะเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ
ผลสำรวจล่าสุดของ FiveThirtyEight ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯจะมีขึ้น ชี้ว่า นายโจ ไบเดน ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครต มีโอกาสสูงถึงร้อยละ71.1 ที่จะคว้าชัยชนะจากการลงคะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) โดยคาดว่า นายไบเดน จะชนะด้วยคะแนน 334 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง
ขณะเดียวกัน โพลดังกล่าวคาดว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสเพียงร้อยละ28.4 ที่จะได้รับชัยชนะจากคะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง ล่าสุดผลโพลซึ่งจัดทำขึ้นในวันจันทร์ที่ 7 ก.ย.ยังระบุด้วยว่า ปธน.ทรัมป์มีโอกาสเพียงร้อยละ15.9 ที่จะชนะคะแนนสนับสนุนจากประชาชน (popular vote) ขณะที่นายไบเดนมีโอกาสสูงถึงร้อยละ 84.4
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังชี้ว่า ปธน.ทรัมป์มีคะแนนนิยมเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ร้อยละ 42.9 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากวันที่ 6 ก.ย. ขณะที่นายไบเดนมีคะแนนนิยมเฉลี่ยร้อยละ 50.6 เพิ่มขึ้นจากระดับร้อยละ50.5 ในวันที่ 6 ก.ย.