หลังคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ. เห็นชอบในหลักการการกระตุ้นการใช้จ่ายรอบใหม่ เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนทั่วไปให้เกิดการกระจายรายได้ไปยังผู้ค้าหาบเร่แผงลอยในทุกพื้นที่ โดยใช้ผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” เพื่อจับจ่ายซื้อของกับผู้ประกอบการรายย่อยไม่เกินคนละ 3,000 บาท จนกลายเป็นกระแสรัฐบาลจะแจกเงินอีก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ยังไม่มีการแจกเงิน 3,000 บาท เพราะอยู่ระหว่างการหารือและยังไม่ได้พิจารณาใน คณะรัฐมนตรี(ครม.) พร้อมย้ำว่าการช่วยเหลือครั้งนี้รัฐบาลมุ่งเน้นให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยจริงๆ เพื่อให้เกิดการอุดหนุนหรือซื้อของกับรายย่อยจริงๆ เพื่อให้ถึงมือผู้ค้าโดยเฉพาะหาบเร่แผงลอย ร้านค้าปลีก ที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่รายละเอียดต้องศึกษาให้มีความพร้อมทั้งงบประมาณ ระบบการจ่ายเงินในช่องทางไหน โดยจะให้มีข้ออนุมัติหลักการขึ้นมาก่อน
นอกจากนั้น ที่ประชุมครม.วันนี้ เห็นชอบมาตรการการจ้างงานสำหรับนักศึกษาจบใหม่ เปิดเผยว่า รวมการจ้างงาน 12 เดือน ทั้งวุฒิ ปวช. ปวส.และปริญญาตรี จำนวนกว่า 260,000 ตำแหน่ง คาดการณ์ 1,000,000 คน และขอให้ติดตามการจัดงาน Jobexpro ซึ่งจะมีตำแหน่งงานต่างๆ
สำหรับผู้ประกันตน ในระบบประกันสังคมตกค้าง การรับการจ่ายเงินชดเชยรายได้กว่า 50,000 คน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงแรงงานกำลังเร่งดำเนินการ ในช่วงที่ 1 เช่น ผู้ไม่เข้าหลักเกณฑ์การส่งเงินสมทบไม่ถึง 6 เดือน การแจ้งบัญชีธนาคารไม่ถูกต้อง ซึ่งขอเลื่อนจ่ายเงินไปเป็นเดือนตุลาคม
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลมุ่งเน้นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ที่มุ่งเน้นพึ่งพาการส่งออก การท่องเที่ยว เพราะเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาเศรษฐกิจประเทศก็ตกต่ำมาก เพราะรายได้ประเทศลดลง จึงจำเป็นต้องสร้างเศรษฐกิจใหม่ แม้มีแผนงาน EEC แต่ต้องเร่งศึกษาและสร้างให้เกิดเป็นโครงการใหม่ๆโดยเร็ว ไม่ว่าเป็นการศึกษาในแต่ละขั้นตอนหรือแผนการลงทุน เพื่อให้เกิดการลงทุนในไทย จะได้เพิ่มรายได้ เช่น อาจจะเชื่อมการเดินทางภาคการขนส่ง ไป-มา 2 ฝั่งตะวันตก-ตะวันออก ซึ่งจะช่วยด้านเศรษฐกิจระยะยาวต่อไป