ก่อนการลงพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย และ ร่วมงานครบรอบ10ปี ภัยพิบัติสึนามิ ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ เพื่อตรวจเยี่ยมประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในภาคใต้ หลังฝนตกติดต่อกันต่อเนื่อง 10 วัน มีปริมาณน้ำฝนประมาณ1,000มิลลิลิตร จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ภาคใต้จะตกเพียง1,500มิลลิลิตร ต่อ ปี นอกจากนั้น ยังสั่งให้เจ้าหน้าที่ เตรียมความพร้อมในช่วงน้ำลด เพื่อหามาตราการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งด้วย หากไม่สามารถดำเนินการได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อไม่ให้ประสบปัญหาภัยแล้งอีก
นายกรัฐมนตรีได้แสดงความห่วงใย ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมหนักกว่าประเทศไทย โดยเฉพาะมาเลเซีย ที่รัฐบาลจะพูดคุยกับทางการมาเลเซียเพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน เราจะต้องดูแลกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนั้น จะมีการพูดคุยปัญหาความมั่นคงในพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้และ4อำเภอของจังหวัดสงขลา กับผู้ว่าราชการจังหวัด ด้วย รวมถึงจะหารือเรื่อง ความพร้อมการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ และจะขอความร่วมมือภาคเอกชน เรื่องการจัดตั้งโรงงานต่างๆเพื่อเตรียมขยายธุรกิจใน3จังหวัด.ชายแดนภาคใต้
ส่วนในช่วงเย็นวันนี้ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางต่อไปร่วมเป็นประธานการจัดงานครบรอบ 10 ปี ภัยพิบัติสึนามิ ที่จังหวัดพังงา เพื่อให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิต ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องนำบทเรียนที่เกิดขึ้นมาสร้างระบบการเฝ้าระวัง การแจ้งเตือนภัย และแผนเผชิญเหตุต่างๆ รัฐบาลทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ แต่ปัญหาทุกอย่างต้องร่วมมือกัน พร้อมขอสื่อให้วิพากย์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลในทางสร้างสรรค์ สิ่งใดที่รัฐบาลทำและติดขัดก็อยากให้ช่วยประชาสัมพันธ์กับปนาชนด้วย
จากนั้น สื่อมวลชนได้ถามถึงอาการป่วยของนายกรัฐมนตรี ว่าขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากนายกรัฐมนตรี เป็นหวัดตั้งแต่ช่วงเดินทางกลับการเยือนสาธารณรัฐประชนจีน นายกรัฐมนตรีตอบว่า”ยังไหวอยู่ ถ้าคนไทยยังไม่มีความสุข ก็ยังคงป่วยอยู่แบบนี้ และจะหายป่วยพร้อมกับคนไทย” ส่วนกำหนดเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ของนายกรัฐมนตรี ก็จะเดินทางกลับถึงกรุงเทพมหานคร ในเวลา21.15น