ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 12.30 น.วันอังคารที่ 8 กันยายน 2563

         การคุมเข้มตามแนวชายแดนป้องกันแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าประเทศสกัดโรคโควิด-19 พล.อ.ณฐพล ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กองทัพบก (ผอ.ศบค.ทบ.) ยอมรับว่า ยังมีความวิตก แม้มาตรการการป้องกันแนวชายแดน จะมีความสามารถในระดับหนึ่ง แต่ความพยายามที่จะเล็ดลอดเข้ามาเทียบเคียงได้กับยาเสพติด ที่ทำกันมาเป็น 10 ปี แต่ก็เล็ดรอดเข้ามาได้ สิ่งสำคัญ คือ การป้องกันและการตระหนักรู้ของคนไทย โดยเฉพาะนายจ้างหรือประชาชนในพื้นที่ จะต้องช่วยกันสานพลังว่าจะไม่พยายามให้แรงงานต่างด้าวที่ไม่ผ่านการคัดกรองโรคเข้ามาถึงพื้นที่ภายในได้ ส่วนคนที่มีหน้าที่ป้องกันก็ทำหน้าที่ป้องกันไป ส่วนประเทศต้นทางจะต้องประสานความร่วมมือช่วยกันดูแล เป็นกำแพง 3 ชั้น จะเป็นสิ่งที่มั่นคงที่สุด ทั้งประเทศต้นทาง แนวชายแดน และคนภายในที่จะต้องตระหนักรู้และรับผิดชอบ

          นอกจากนี้ กองกำลังป้องกันชายแดน ได้ปรับกำลังและเตรียมมาตรการต่างๆ มีการลาดตระเวนเข้มข้นมากขึ้น  ประสานความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็มีความตื่นตัวคิดว่าระยะต่อจากนี้ จะต้องดำเนินการมาตรการเข้มข้นเป็นอีกเวลายาวนาน

         ปัจจุบัน ศบค.ทบ. มีระบบการสื่อสารโดยตรงกับโรงพยาบาลทหารในพื้นที่ จะเป็นผู้ที่ให้คำแนะนำ สนับสนุนกิจการต่างๆ ให้กับกองทัพภาค โดยเฉพาะกองกําลังป้องกันชายแดน ซึ่งปัจจุบันเจ้าหน้าที่ต่างๆ ของกองกำลังป้องกันชายแดน ได้ผ่านการฝึกและเรียนรู้ในเรื่องมาตรการป้องกันตนเองอย่างดีแล้ว 

เมียนมา โต้ผู้นำทหารสูงสุด เรื่องการระบาดที่รัฐยะไข่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง 

          สถานการณ์โควิด-19 กลุ่มติดอาวุธในรัฐยะไข่ กล่าวหา รัฐบาลและกองทัพเมียนมาว่าจงใจแพร่เชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในรัฐยะไข่ เว็บไซต์ข่าวอิรวดี  รายงานว่า พล.ต.ตุน เมียะเน็ง ผู้นำทหารสูงสุดของกองทัพอาระกันหรือเอเอ (AA) อัดคลิปถึงชาวยะไข่เมื่อสัปดาห์ก่อน ตั้งคำถามว่าเหตุใดโรคโควิด-19 จึงแพร่มาถึงรัฐยะไข่และเหตุใดอัตราการติดเชื้อในรัฐนี้จึงสูงที่สุดในประเทศ แม้เรื่องนี้เป็นปัญหาทางสุขภาพแต่ก็ควรพิจารณาด้วยว่าเป็นเรื่องทางการเมืองและทางทหารด้วยหรือไม่ รัฐบาลเมียนมา ประกาศหยุดยิงเมื่อต้นปีเพื่อควบคุมการระบาด แต่กลับใช้กฎหมายต่อต้านก่อการร้ายเดินหน้าการสู้รบ ส่งทหารจำนวนมากเข้าออกรัฐยะไข่ราวกับจงใจแพร่เชื้อ ทั้งที่ทั่วโลกจำกัดการเดินทางที่ไม่จำเป็นและรักษาระยะห่างทางสังคม ทำให้สงสัยว่าจงใจปล่อยให้เกิดการระบาดในรัฐยะไข่เพื่อประโยชน์ทางการเมืองและทางทหาร

           ด้านโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีเมียนมา แถลงเมื่อวันศุกร์ว่า ผู้นำเอเอ ไม่ควรพูดจาไร้ความยั้งคิดเช่นนั้น ในขณะที่คนทั้งประเทศ กำลังหาทางช่วยเหลือรัฐยะไข่ เอเอฉวยโอกาสทางการเมืองและทางทหารจากโรคโควิด-19 เพื่อทำให้คนท้องถิ่นเข้าใจผิด เอเอประกาศหยุดยิงแต่เดินหน้าสู้รบและวางทุ่นระเบิดทุกวัน อีกทั้งยังไม่ตอบรับข้อเสนอเจรจาสันติภาพทวิภาคีของรัฐบาล แม้แต่การไปเจรจาในประเทศที่สาม

          ขณะเดียวกัน อธิบดีกรมป้องกันและควบคุมโรคเมียนมา เปิดเผยว่า ผู้ป่วยโรคโควิด-19 กว่าร้อยละ 10 หลังวันที่ 16 ส.ค.เป็นบุคลากรทางการแพทย์ โดยมีจำนวนมากที่สุดในเมืองซิตตเวและเจาะพยู รัฐยะไข่ กระทรวงสาธารณสุขและกีฬา ได้ส่งแพทย์ พยาบาลและนักไวรัสวิทยารวม 128 คนไปดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในรัฐนี้ ทั้งหมดไปด้วยความสมัครใจ

          เมียนมา พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ครั้งแรกปลายเดือนมี.ค.ยอดผู้ป่วยทรงตัวที่ 400 กว่าคนจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนส.ค.ส่วนใหญ่เป็นผู้มาจากต่างประเทศ หลังจากนั้นก็เกิดการติดเชื้อในชุมชนอย่างรวดเร็วตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.ก่อนแพร่ไปยังนครย่างกุ้งและอีกหลายเมือง

WHO เตือนทั่วโลกรับมือโควิด-19 ให้ดีขึ้น ต้องรอถึงกลางปีหน้าถึงจะมีวัคซีน