*รมช.เกษตร ราคายางขึ้น60 บาท/นาโนไฟแนนซ์ปล่อยกู้ต้นปี58/เมสซี่เจ เนื้อหอม*

26 ธันวาคม 2557, 09:23น.


*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30น.



+++แถลงผลงานรอบ 3 เดือน  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงผลการดำเนินงานรัฐบาลในรอบ 3 เดือน โดยยอมรับว่า สิ่งที่ทำมาทั้งหมดยังไม่เป็นที่พอใจ สำหรับที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนแต่ต้องเดินหน้าทำงานกันต่อไป และทุกฝ่ายและข้าราชการต้องช่วยกัน



+++ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ สถาน การณ์ด้านเศรษฐกิจได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าไตรมาสสุดท้ายน่าจะขยายตัวได้ ร้อยละ 3  ปัจจัยที่สนับสนุนการขยายตัวมาจากการเร่งเบิกจ่ายงบ 7.33 แสนล้านบาท และสิ้นเดือนนี้ จะเบิกจ่ายได้ถึง 8 แสนล้านบาท การบริโภคเพิ่มขึ้น  สุดท้ายการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว เห็นได้จากยอดอนุมัติตั้งโรงงานใหม่ถึง 2,957 ราย หลังจากปรับลดระยะเวลาการขอใบอนุญาตร.ง.4 จาก 90 วัน เหลือ 30 วัน เกิดการจ้างงานกว่า 1.12 แสนคน แต่ปีนี้เศรษฐกิจคงขยายตัวได้ 1% แต่ปี 2558 จะขยายตัวได้ร้อยละ 4.5



+++การช่วยเหลือชาวสวนยางพารา นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์  ยอมรับ ตกใจ กรณีาวสวนยาง ยิงตัวตายที่ จ.นครศรีธรรมราช เพราะปัญหาราคายางตกต่ำยอมรับว่าหดหู่มาก เชื่อว่า ในปีหน้าเกษตรกรสวนยางจะสบาย เพราะขณะนี้ราคาขึ้นทุกวัน ขณะนี้ปรับขึ้นมาในราคาเป้าหมายแล้วที่ 60 บาทต่อกิโลกรัม รวมรายได้อื่นที่รัฐช่วยเหลือ ราคาจะอยู่ที่ 65 บาท ซึ่งเกษตรกรภาคเหนือ อีสาน รับได้กับราคานี้  หลังจากนี้ไปสิ่งที่จำเป็นสำหรับสินค้าเกษตร ต้องวางแผนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน ก่อนเริ่มฤดูผลิตครั้งใหม่ และแผนต่อเนื่องจากฤดูเก่า ไม่ว่ารัฐบาลไหนมาต้องทำตามนี้ และต้องทำให้การขึ้นทะเบียนเกษตรกรเป็นไปอย่างถาวร เพื่อเป็นหลักฐานชัดเจนในการช่วยเหลือครั้งต่อไป ไม่เกิดปัญหาล่าช้าอีก  ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ไม่พอใจการช่วยเหลือเกษตรกรที่ล่าช้านั้น นายอำนวย กล่าวยืนยันว่า ตนเข้ามาทำงานหนักและพอใจกับผลงาน เพราะเป็นความท้าทายที่เข้ามาปฏิรูปโครงสร้างเกษตร หากไม่ทำแล้วใครจะทำ



+++กรรมาธิการยกร่าง รธน.เคาะที่มาของนายกรัฐมนตรี มาจากการเสนอชื่อของ ส.ส. แล้วให้ประธานสภาฯ เป็นผู้นำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ  นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ที่ประชุม กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เห็นพ้องในส่วนที่มาของนายกรัฐมนตรีแล้วว่า ให้มาจากการเสนอชื่อของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 2540 โดยที่นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. หรือสังกัดพรรคการเมืองเพื่อเปิดช่องไว้กรณีสถานการณ์ไม่ปกติ หรือในอนาคตหากเกิดวิกฤติใดๆ ขึ้น



+++ส่วนที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ประชุมมีฉันทามติให้ ส.ว. มีจำนวนไม่เกิน 200 คน โดยมีที่มาจาก 5 ช่องทาง คือ 1.เป็นอดีตอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 อาทิ อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร 2.อดีตข้าราชการสำคัญ อาทิ อดีตผู้บัญชาการเหล่าทัพ อดีตปลัดกระทรวง 3.มาจากประธานองค์กรวิชาชีพที่มีกฎหมายรองรับ เช่น ประธานหอการค้าไทย ประธานสภาอุตสาหกรรม 4.กลุ่มภาคประชาชน เช่น สหภาพต่างๆ องค์กรภาคประชาชน และ 5.คัดสรรจากกลุ่มวิชาชีพที่หลากหลาย โดยใช้วิธีเลือกตั้งทางอ้อม เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 2489 ซึ่งการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ให้วุฒิสภามีรูปแบบเป็นพหุนิยม พหุอำนาจ ทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนอำนาจที่มีอยู่จริง และได้เพิ่มอำนาจการตรวจสอบประวัติผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีก่อน นายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย รวมถึงตรวจสอบประวัติจริยธรรมของหัวหน้าส่วนราชการทุกส่วน ก่อนเปิดเผยต่อสาธารณะ รวมถึงยังมีอำนาจถอดถอนนายกฯ รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. และหัวหน้าส่วนราชการทุกส่วนเช่นเดิม แต่ต้องใช้เสียงถอดถอนเกินกึ่งหนึ่งของ 2 สภา คือ ส.ส. และ ส.ว. แต่ที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งของสมาชิกวุฒิสภา และจำนวนสัดส่วนของจำนวน ส.ว.แต่ละสาย



+++นาโนไฟแนนซ์ มาแล้ว   นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้เสนอไปยังนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องกิจการที่ต้องขออนุญาต ตามข้อ 5 แห่งประกาศ ฉบับที่ 58 เรื่องสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพแล้ว หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในเรื่องนาโนไฟแนนซ์ให้เป็นของขวัญปีใหม่ประชาชนไปเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม  คาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อรายย่อย 100,000 ล้านบาทต่อปี จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ 0.3-0.4% ของจีดีพี และก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 100,000 ตำแหน่งต่อปี"



+++นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจ การคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า มีผู้สนใจขอประกอบธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ โดยผู้สนใจต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท สามารถยื่นเรื่องขอกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคาดว่าจะมีนักธุรกิจต่างจังหวัดที่มีเงินสนใจมาประกอบธุรกิจนาโนไฟแนนซ์มากขึ้นอีกในอนาคต คาดว่าจะเริ่มมีการปล่อยกู้นาโนไฟแนนซ์ตั้งแต่ต้นปี 2558 เป็นต้นไป     สำหรับการปล่อยกู้นาโนไฟแนนซ์ เป็นการปล่อยกู้ให้กับรายย่อยไม่เกิน 1 แสนบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 36% ต่อปี เป็นการปล่อยกู้แบบไม่มีหลักประกัน เพื่อให้ผู้ที่เข้าไม่ถึงระบบการเงิน เป็นการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ



+++หอการค้าไทยคาดเงินสะพัด 1.17 แสนล้าน สูงสุดในรอบ 7 ปี ประชาชนจับจ่าย ท่องเที่ยว แต่ยังแบ่งเงินบางส่วนเก็บออม ขณะที่คนรุ่นใหม่ปรับพฤติกรรมชอบเงินสด-เช็คของขวัญเป็นของขวัญวันปีใหม่ โดยบรรยากาศคนพร้อมเที่ยวเต็มที่เพราะบางแห่งหยุดได้มากถึง 9 วัน และระดับราคาน้ำมันถูกลง นับว่ามาตรการรัฐช่วยชาวนา ชาวสวนยางได้รับเงินช่วยเหลือ มาตรการลดราคาสินค้าร้อยละ 70 ทำให้ประชาชนมีเงินเหลือ 10,000-15,000 ล้านบาท โดยนำมาใช้ 2 ใน 3 น่าจะทำให้เงินหมุนในระบบเศรษฐกิจอีก 10,000 ล้านบาท จึงสวนทางกับยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ขายต่ำสุดในรอบ 42 ปี



+++บช.น.ดูแลจราจรช่วงปีใหม่ที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางขาออกจากกรุงเทพฯ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. และอีกครั้งในวันที่ 30 ธ.ค. จะเป็นอีกวันที่ประชาชนจะออกเดินทางสู่ต่างจังหวัดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจัดตั้งจุดบริการประชาชนไว้เพื่ออำนวยความสะดวก รวมทั้งสิ้น 11 จุด ได้แก่พื้นที่ บก.น.1 สน.ดินแดง ตั้งจุดบริการบริเวณแยกใต้ทางด่วนดินแดง พื้นที่ บก.น.6 สน.ปทุมวัน ตั้งจุดบริการบริเวณหัวลำโพง



+++น.พ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่เกิดอุบัติเหตุมากขึ้นเป็น 2 เท่า มี 3 ปัจจัยเสี่ยงคือ 1.คน เช่น ขับเร็วเกินกำหนด ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร เมา อ่อนล้า หลับใน 2.รถไม่พร้อม และ 3.ถนนและสิ่งแวดล้อม โดยช่วงปีใหม่ 2558 สพฉ.เตรียมแผนป้องกันและลดอุบัติเหตุ โดยประสานศูนย์รับแจ้งเหตุทั่วประเทศ 78 ศูนย์ ให้ตรวจสายด่วน 1669 ให้พร้อมใช้งาน 24 ชั่วโมง และประสานการจัดระบบการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุฉุกเฉินทั้งทางเรือและอากาศยาน



++++ด้าน ดร.กัณวีร์ กนิษฐ์พงศ์ ผู้จัดการศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) กล่าวว่า แต่ละภูมิภาคมีถนนที่จะต้องระวังเป็นพิเศษแบ่งเป็น 4 ภาค รวมทั้งหมด 8 จุด ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1.ทางหลวงเส้นวังน้อยอยุธยา กิโลเมตรที่ 70 2.ทางขึ้นเขาแก่งคอยสระบุรี ภาคใต้ 3.หลวงหมายเลขที่ 35 เส้นพระราม 2 เพราะประชาชนจะใช้ความเร็วในการขับรถค่อนข้างมาก ทำให้เกิดอุบัติเหตุชนท้ายหรือรถตกข้างทางเป็นจำนวนมาก 4.ทางหลวงหมายเลขที่ 41 เส้นจังหวัดประจวบคิรีขันธ์ และชุมพร เนื่องจากเป็นภูเขาและโค้งที่เยอะจนทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อย และแต่ละครั้งก็สร้างการสูญเสียที่ค่อนข้างรุนแรง ภาคเหนือ 5.ทางหลวงหมายเลขที่ 32 ที่จะผ่านทางจังหวัดอุทัยธานีและนครสวรรค์เพื่อขึ้นไปยังจังหวัดอื่น ผู้ใช้รถใช้ถนนควรศึกษาการเดินทางให้ละเอียดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นด้วย



+++นายพรเทพ เจริญสืบสกุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จัดเส้นทางขึ้นสู่ยอดดอยอินทนนท์เป็น 2 ช่องทาง ส่วนขาลงเหลือ 1 ช่องทาง ทั้งนี้ในเขต อุทยานฯ สามารถรองรับรถนักท่องเที่ยวเฉลี่ยได้วันละ 1,000 คันเท่านั้น เมื่อรถขึ้นไปเต็มก็จะห้ามรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปในเขตอุทยานฯ ทันที เพื่อความปลอดภัย แต่นักท่องเที่ยวสามารถจอดรถไว้ด้านล่างและใช้บริการรถรับจ้างสาธารณะแทน คาดว่า ในวันที่ 31 ธ.ค.57 และวันที่ 1 ม.ค.58 จะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลขึ้นยอดดอยอินทนนท์ไม่น้อยกว่า 30,000 คนต่อวัน



++++ปิดท้ายเรื่อง นักฟุตบอลไทย เนื้อหอมสุด ๆ ล่าสุด สโมสรบีอีซี เทโรฯ เตรียมขอให้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ อยู่ช่วยทีมจนจบเลกแรก ของศึกโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก 2015 เนื่องจากทีมมีโอกาสที่จะไล่ล่าแชมป์ลีกในปีนี้ แม้ว่าจะมีสโมสรจาก เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น ยื่นข้อเสนอมาก็ตาม  พร้อม ตั้งค่าฉีกสัญญาสำหรับทีมที่ต้องการได้ตัว ชนาธิป สรงกระสินธ์ ไว้ที่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 32 ล้านบาท) โดยจะไม่มีทางปล่อยให้สโมสรเพื่อนร่วมลีกในไทย ได้ "เมสซี่เจ" ไปเด็ดขาด เพราะต้องการให้เล่นในลีกต่างประเทศเท่านั้น   

ข่าวทั้งหมด

X