ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันอังคารที่ 8 กันยายน 2563

08 กันยายน 2563, 08:08น.



รัฐบาล อนุมัติงบฯ กว่า 800 ล้าน สร้างพื้นที่กักโควิด-19 ของรัฐ



          นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตวัคซีนเพื่อต้านโรคโควิด-19 เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนป้องกันโรคไวรัสโควิด-19 เร็วที่สุด ด้วยการอนุมัติงบประมาณวงเงิน 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังอนุมัติงบประมาณวงเงิน 883 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายทำพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) ในส่วนสถานที่เอกชน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนดในการที่คนไทยทุกคนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศต้องเข้าพักในพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐทันทีเป็นเวลา 14 วัน รัฐบาลขอให้ประชาชนมั่นใจว่าไทยยังควบคุมสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีและต่อเนื่องและจะเร่งพัฒนาวัคซีน เพื่อให้คนไทยได้ใช้เร็วที่สุด



ลุ้นตรวจคนสัมผัสผู้ต้องขังติดโควิด-19 อีกสองครั้ง 8 ก.ย.และ 16ก.ย.



          กรณีผู้ต้องขังชายที่อยู่ระหว่างกักกันก่อนเข้าแดนปกติในเรือนจำติดเชื้อโควิด-19 กรุงเทพมหานครและกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจรายละเอียด สรุปผลการค้นหาผู้สัมผัสรวม 990 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 118 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 856 คน อยู่ระหว่างตรวจสอบอีก 16 คน ส่งตรวจ 520 คน ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19  รายละเอียดการตรวจหาเชื้อจำแนกตามสถานที่ที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19คนดังกล่าวเดินทางไปก่อนเข้าเรือนจำ 



1.บุคคลในครอบครัว มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 6 คน คือ ภรรยา ลูก 2 คน น้องภรรยา พ่อตา แม่ยาย ผู้สัมผัสใกล้ชิดรายอื่น 6 คน รวม 12 คน ผลตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการ พบว่า ทั้งหมดให้ผลเป็นลบไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19



2.ผู้ที่พักอาศัยในคอนโด มีผู้สัมผัส 137 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งหมด ผลตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการพบทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อ



 3.ศาลอาญา มีผู้สัมผัสรวม 492 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 14 คน ได้ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว 13 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19  ส่วนอีก 1 คน นัดหมายตรวจวันที่ 8 ก.ย.และมีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 478 คน ได้ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว 146 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีก 332 คน อยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน



4.โรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีผู้สัมผัสรวม 6 คน ทั้งหมดเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำและอยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน



5.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง มีผู้สัมผัส 111 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ 76 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 24 คน ทั้งหมดนัดเก็บตัวอย่างครั้งแรกวันที่ 8 ก.ย.ครั้งที่ 2 วันที่ 16 ก.ย.ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 52 คน ทั้งหมดอยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน และแบ่งเป็นผู้ต้องขัง 35 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด ได้ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการครั้งที่ 1 แล้ว 34 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนอีก 1 คน นัดตรวจอีก 2 ครั้ง วันที่ 8 ก.ย. และวันที่ 16 ก.ย.



6.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีผู้สัมผัส รวม 8 คน ผู้ต้องขังรถคันเดียวกัน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด ได้ผลตรวจห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 และนัดหมายตรวจอีก 1 ครั้ง ในวันที่ 8 ก.ย. 



7.ร้านอาหารพระราม 3 มีผู้สัมผัส รวม 34 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 14 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนอีก 16 คน อยู่ระหว่างการตรวจสอบ



8.ร้านอาหารพระราม 5 มีผู้สัมผัส รวม 60 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 25 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 35 คน ทั้งหมดอยู่ในสถานที่กักกัน เฝ้าระวังอาการ 14 วัน



9.ร้านอาหารที่ถนนข้าวสาร มีผู้สัมผัส รวม 15 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 2 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 13 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19



10.ถนนข้าวสาร มีผู้สัมผัสเป็นพนักงานร้านอาหารและร้านค้ารวม 112 คน เป็น ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งหมด ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19



11.สถานศึกษาย่านประชาอุทิศ มีผู้สัมผัสรวม 3 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งหมด และอยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน



12.ห้างสรรพสินค้าย่านสุขสวัสดิ์ อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ติดตาม



CR:ภาพกรุงเทพมหานคร



โควิด-19 เมียนมาหนัก ไทยต้องเตรียมรับมืออีก 2 สัปดาห์ประชิดชายแดน



          นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร  ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมียนมาว่าค่อนข้างน่าเป็นห่วงมาก มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มวันละกว่าร้อยคน และเริ่มพบในหลายเมืองจากพื้นที่ตะวันตกของประเทศคือ รัฐยะไข่ ตอนนี้เริ่มเข้ามาทางตอนกลางของเมียนมาแล้ว แน่นอนว่าทำให้ไทยมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น และแม้ว่าตอนนี้พื้นที่ระบาดอยู่ห่างไกลจากชายแดนไทย แต่มีการคาดการณ์ว่าประมาณ 2 สัปดาห์ การระบาดจะขยายพื้นที่มาถึงพื้นที่แถบชายแดนไทย

เมียนมา ติดโควิด-19 วันเดียว 145 คน เป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่



          กระทรวงสาธารณสุขของเมียนมา รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ในรอบวัน ยืนยันผู้ป่วยรายใหม่ 145 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุดครั้งใหม่ เพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเป็นอย่างน้อย 1,464 คน รักษาหายแล้ว 385 คน เพิ่มขึ้น 14 คน และเสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย



          การจำแนกผู้ติดเชื้อกลุ่มล่าสุด ปรากฏว่า พบในภูมิภาคย่างกุ้งมากที่สุด 92 คน หนึ่งในนั้นเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากสิงคโปร์ ตามด้วยรัฐยะไข่ 38 คน ภูมิภาคพะโค 8 คน กรุงเนปิดอว์ 3 คน ภูมิภาคมัณฑะเลย์ 2 คน และภูมิภาคอิรวดี 2 คน



          ขณะที่ นางออง ซาน ซูจี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนเมียนมา ยกเลิกกำหนดการเดินสายไปตามเมืองใหญ่หลายแห่งในประเทศตลอดทั้งสัปดาห์นี้ เพื่อช่วยสมาชิกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) หาเสียงก่อนถึงการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 พ.ย.เป็นไปตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข



          เมียนมา ยืนยันพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 คนแรกเมื่อวันที่ 23 มี.ค.เป็นบุคคลที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคมีแนวโน้มรุนแรงยิ่งขึ้น นับตั้งแต่พบการติดเชื้อจากภายในประเทศที่รัฐยะไข่ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.



 



 




 

ข่าวทั้งหมด

X