ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 12.30 น.วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2563

          ตั้งแต่ช่วงเช้า เจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมโรค สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร นำน้ำยาฆ่าเชื้อมาฉีดภายในอาคารคอนโดมีเนียมบ้านสวนธน 3 อาคาร จุดเสี่ยงที่พักของผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติดที่ติดเชื้อโควิด-19  ส่วนรอบนอกพื้นที่อาคารอื่นๆ นิติบุคคลของคอนโดมีเนียมจัดเจ้าหน้าที่ฉีดพ่นฆ่าเชื้อครอบคลุมพื้นที่ที่เหลือทั้งหมด และในวันนี้กระทรวงสาธารณสุขจะมาฉีดพ่นพื้นที่โดยรอบอีกครั้งหนึ่งเพื่อเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดและกรมควบคุมโรค จะเข้ามาให้คำแนะนำ พร้อมนำรถแล็บมาเก็บตัวอย่างผู้ที่กังวลว่าจะมีโอกาสเสี่ยงได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19

         ผู้ติดเชื้อโควิด-19 พักอยู่กับครอบครัวรวมทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อ ภรรยา ลูก 2 คน น้องสาว แม่และพ่อเลี้ยงซึ่งเป็นชาวต่างชาติ โดยได้พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยนานแล้ว สำหรับครอบครัวนี้เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้พาทั้งหมดออกไปดูแลและกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดเอาไว้ให้แล้วและตอนนี้อยู่ในการดูแลของแพทย์เป็นที่เรียบร้อย ผลตรวจครอบครัว 5 คน เบื้องต้นเป็นลบ คือไม่พบว่าเจอเชื้อ เหลือเพียงแม่ และครอบครัวเพื่อนอีก 6 คน รวม 7 คน ที่จะทำการตรวจหาเชื้อในวันนี้

         ผู้จัดการนิติบุคคลคอนโดมีเนียมบ้านสวนธน เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อพักอาศัยอยู่บริเวณชั้นล่างของอาคารและไม่ได้สุงสิงกับใคร จึงไม่ค่อยใช้ลิฟท์ร่วมกับผู้อื่น โอกาสเสี่ยงค่อนข้างน้อยมากและไม่ค่อยได้มาใช้พื้นที่ส่วนกลาง เช่น สระว่ายน้ำ ส่วนใหญ่จะพักอาศัยอยู่ภายในห้องเท่านั้น

         มาตรการดูแลความปลอดภัยด้านหน้าทางเข้าคอนโดมีเนียม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำทางเข้า-ออกโครงการ คอยตรวจตราผู้ที่จะเข้าไปภายในอย่างเข้มงวด ผู้ที่เข้า-ออกจะต้องลดกระจกลง เพื่อแสดงบัตรก่อนจะสามารถเข้าไปในพื้นที่ได้

          ผู้จัดการนิติบุคคลคอนโดมีเนียมบ้านสวนธน เปิดเผยว่า กรมควบคุมโรคได้เข้ามาให้แผ่นพับคำแนะนำประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับลูกบ้าน ตั้งแต่เกิดโควิด-19 มาคอนโดมีมาตรการป้องกัน เช่น การวัดอุณหภูมิตลอดเวลา แม่บ้านทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสวันละ 5 ครั้ง ส่วนทีมช่างและพนักงานสวนก็จะมีการฉีดพ่นพื้นที่ภายในอาคารและในพื้นที่ส่วนกลางอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำอยู่แล้ว

          หลังจากลูกบ้านทราบข่าวมีการโทรศัพท์มาสอบถาม จึงได้มีการอธิบายให้เข้าใจว่ามีมาตรการอย่างไร รวมถึงเน้นย้ำมาตรการของคอนโดมีเนียม เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ซึ่งลูกบ้านส่วนใหญ่ก็เข้าใจ แต่อาจจะมีบางกลุ่มที่ยังวิตกกังวล ตนเองในฐานะเป็นผู้จัดการนิติบุคคล อยากให้ลูกบ้านทุกรายมั่นใจในมาตรการของคอนโดมีเนียมที่จะสามารถควบคุมพื้นที่ให้สะอาดและปลอดภัยได้

รมว.ยธ.ยืนยันมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ในเรือนจำต้องเข้มงวดให้มากกว่าเดิม

          นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่าเรื่องที่พบผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 ไม่ได้หละหลวม การตรวจพบเชื้อครั้งนี้ไม่ได้เป็นการตรวจพบเชื้อของนักโทษในเรือนจำ แต่เป็นการตรวจพบเชื้อในนักโทษใหม่ที่เพิ่งเข้ามา ตามมาตรการในการรับนักโทษใหม่จะต้องกักตัวในแดนแรกรับก่อน 14 วันเพื่อหาเชื้อ หากพบจะทำการแยกตัวทันที ซึ่งกรณีนี้เขาเป็นดีเจที่ทำงานในร้านอาหารหลายแห่ง กระทรวงสาธารณสุขจะต้องสืบหาที่มาของเชื้อต่อไป ทั้งนี้กรมราชทัณฑ์ ยังมีมาตรการเข้มงวดในการควบคุมโควิด-19ในเรือนจำ โดยเฉพาะแดนแรกรับที่จะต้องมีการคัดกรองอย่างเข้มงวด จากนี้ต้องมีมาตรการที่เข้มงวดกว่าเดิม เพราะก่อนหน้านี้ที่สถานการณ์ในประเทศไทยปลอดผู้ติดเชื้อมากว่า 100 วัน เราก็ได้มีการผ่อนคลายไปบ้าง แต่เมื่อพบเหตุการณ์เช่นนี้เราคงต้องเพิ่มความเข้มงวดให้มากขึ้นจากเดิมร้อยละ 60-70 เป็นร้อยละ 80-90 ส่วนการเข้าเยี่ยมญาติ ก็ต้องมีการคัดกรองที่เข้มงวดกว่าเดิมด้วยเช่นกัน แต่ไม่ได้มีการห้ามเยี่ยม เพื่อป้องกันญาติที่เข้าเยี่ยมนำเชื้อมาแพร่สู่ผู้ต้องขังด้วย

ครอบครัว ฮ้อแสงชัย ชี้แจง ไม่เคยได้รับการเยียวยา ขอให้คดีเบนซ์ชนฟอร์ด เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

         กรณีนายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวถึง กรณีกรมราชทัณฑ์ เตรียมพักโทษผู้ต้องขังที่เข้าข่ายได้รับการพักโทษ โดยจำนวนนั้นมีรายชื่อนายเจนภพ วีรพร จำเลยในคดีขับรถเบนซ์ ชนรถฟอร์ดของนักศึกษาปริญญาโทเสียชีวิต 2 ราย โดยระบุว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้รับโทษจำคุกแล้วและได้จ่ายเงินเยียวยาให้ครอบครัวผู้เสียหายจนได้รับค่าชดเชยไประดับหนึ่งแล้ว จึงถือว่าไม่มีเหตุอันสมควร น.ส.กัญจนา ฮ้อแสงชัย น้องสาวของ น.ส.ธันฐภัทร ฮ้อแสงชัย ผู้เสียชีวิต กล่าวถึง เรื่องค่าเสียหายว่าเป็นการชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง โดยจำเลยนำเงินมาวางศาลจำนวนไม่กี่ล้านบาท ซึ่งทางครอบครัวไม่ได้ให้ความสำคัญกับเงินส่วนนั้นเลย ที่มีกระแสข่าวว่ามีการชดใช้เงินจนเป็นที่พึงพอใจ ไม่ใช่ความจริงจากทางครอบครัวเราแน่นอน ชีวิตพี่สาวประเมินค่าเป็นตัวเงินไม่ได้

          น.ส.กัญจนา กล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่องทางครอบครัว ฮ้อแสงชัย ไม่เคยได้รับการติดต่อนอกรอบหรือรับการเยียวยาจากฝ่ายจำเลย ทางเรายังติดตามอยู่ในกระบวนการยุติธรรมมาตลอด และยืนยันว่าอยากให้คดีนี้เป็นบรรทัดฐานใหม่ของสังคมส่วนรวม ไม่ว่าจะมีฐานะหรือไม่ก็ควรได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมและเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าผลจะออกมาว่าต้องพักโทษหรือไม่ เรื่องนี้ขอให้เป็นดุลพินิจของกรมราชทัณฑ์ และเป็นสิ่งที่สังคมต้องรับได้ด้วย