เตือนคนไทย!ในโอกินาวา –คิวชู ระวังพายุ ไห่เฉิน ช่วง 4-7 ก.ย.
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ขอให้คนไทยในโอกินาวา และ ภูมิภาคคิวชู เตรียมพร้อมรับมือพายุ กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น คาดว่า พายุไต้ฝุ่น ไห่เฉิน หรือ พายุหมายเลข 10 เป็นชื่อเทพเจ้าแห่งท้องทะเลในภาษาจีน กำลังก่อตัวในทะเลตอนใต้ของญี่ปุ่นจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้หมู่เกาะโอกินาวา ในช่วงวันที่ 4 - 5 ก.ย. และ เกาะคิวชู ในช่วงวันที่ 6 – 7 ก.ย. มีแนวโน้มจะพัฒนาเป็นลมไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงอย่างมากและทำให้เกิดความเสียหายระดับสูง เนื่องจาก จะทำให้เกิดฝนตกหนัก ลมกรรโชกแรง และ ทะเลมีคลื่นสูง
กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ออกมาตรการในกรณีที่จำเป็นต้องอพยพ ในช่วงที่มีพายุเข้ามา ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
1. ก่อนอพยพ
(1) ควรหลีกเลี่ยงการอพยพ ในระหว่างที่ยังมีลมแรง น้ำท่วม แนะนำให้ประชาชนหาทางหนีภัยเข้าไปในอาคารที่แข็งแรง หรือ ย้ายขึ้นชั้นบนของบ้าน ในห้องที่มีหน้าต่างน้อย
(2) ควรตรวจสอบสุขภาพ วัดอุณหภูมิร่างกาย และ กรณีไม่สบายให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
(3) สำหรับเจ้าหน้าที่ศูนย์อพยพ ขอให้จัดเตรียมพื้นที่เฉพาะสำหรับคนที่ไม่สบายหรือมีอาการป่วย
2. ระหว่างอยู่ในศูนย์อพยพ
(1) ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง 3Cs (Closed Spaces (พื้นที่ปิด) Crowded Places (พื้นที่แออัด), Close-Contact (มีการสัมผัสใกล้ชิด) และขอให้สวมหน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงการสนทนากับบุคคลอื่นในพื้นที่อับ
(2) ขอให้รักษาระยะห่างจากบุคคลอื่นเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และสตรีมีครรภ์
(3) หมั่นล้างมือด้วยสบู่ หรือ เจลแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการจับพื้นที่สาธารณะ เช่น ลูกบิดประตู
สถานกงสุลใหญ่ฯ ขอให้คนไทยในภูมิภาคคิวชู โอกินาวา และจูโกะกุ หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้าน โดยไม่จำเป็น และ ขอให้ใช้ความระมัดระวังอย่างสูงในการเดินทางในช่วงที่มีพายุ
นอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชันเป็นภาษาไทย ที่มีประโยชน์เมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติ อาทิ Safety Tips หรือ goo (ภาษาอังกฤษ/ญี่ปุ่น) ทั้งนี้ แนะนำให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “QR Reader” เพื่อความสะดวกในการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่าง ๆ ทาง QR Code
ในกรณีฉุกเฉิน และประสบอุปสรรคใด ๆ หรือ ต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อ สถานกงสุลใหญ่ฯ ทาง โทรศัพท์สายด่วนกงสุล (Hotline กงสุล) ที่หมายเลข 090-2585-3027 และ 090-9572-1515 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ ทางไลน์ฝ่ายกงสุล ที่ลิงก์ https://lin.ee/4VbpwBpjE
CR: สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ ,NHK
ยังหาไม่เจอ! ลูกเรือ 42 คน-วัวกว่า 5,000 ตัว หลังพายุไมสัก ซัดเรือบรรทุกสินค้าล่ม
การค้นหาลูกเรือประมาณ 42 คน ยังไม่มีความคืบหน้า หลังจากเกิดเหตุเรือบรรทุกสินค้า กัลฟ์ไลฟ์สต๊อก1 (Gulf Livestock1) พลิกคว่ำขณะแล่นผ่านทะเลนอกชายฝั่งจังหวัดคะโงะชิมะ ทางภาคใต้สุดของญี่ปุ่น เมื่อคืนวันพุธในช่วงที่ทะเลมีคลื่นสูง จากอิทธิพลความรุนแรงของพายุไมสัก ที่ทำให้มีฝนตกหนัก ลมแรง
หน่วยเรือลาดตระเวนชายฝั่งญี่ปุ่น หรือ เจซีจี ได้รับสัญญาณวิทยุฉุกเฉินขอความช่วยเหลือจากเรือลำดังกล่าว จึงรีบส่งเจ้าหน้าที่พร้อมเรือกู้ภัย ประสานกับเรือของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น และเครื่องบินสอดแนม พี-3ซี อีก 1 ลำ ออกปฏิบัติการค้นหา พบนายเซเรโน เอ็ดวาโรโด ชาวฟิลิปปินส์วัย 45 ปี ลอยคอด้วยเสื้อชูชีพกลางทะเลจึงช่วยเหลือนำตัวขึ้นเรือใหญ่ นายเอ็ดวาโรโด มีตำแหน่งเป็นต้นเรือ เล่าวว่า เรือกัลฟ์ไลฟ์สต๊อก1 เครื่องยนต์ขัดข้อง ก่อนจะถูกคลื่นทะเลขนาดยักษ์ซัดกระหน่ำเรือจนพลิกคว่ำ กัปตันสั่งลูกเรือทุกคนสวมเสื้อชูชีพและตัวเขาเองตัดสินใจกระโดดลงทะเล เมื่อเห็นว่าเรือน่าจะจมลงสู่ก้นทะเลอย่างแน่นอนและหลังจากนั้นเขาไม่เห็นลูกเรือคนอื่นๆ อีก
เรือลำนี้เป็นของบริษัทกัลฟ์ เนวิเกชั่น โฮลดิ้ง ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี แต่จดทะเบียนในปานามา ระวางขับน้ำ 11,947 ตัน บรรทุกวัวประมาณ 5,867 ตัว และลูกเรือ 43 คน ซึ่งเป็นชาวฟิลิปปินส์ 39 คน รวมถึงกัปตันเรือ 1 คน ชาวออสเตรเลีย 2 คน และชาวนิวซีแลนด์อีก 1 คน ออกเดินทางจากท่าเรือเมืองเนเปียร์ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. กำหนดจะเดินทางถึงเมืองท่าถังซาน มณฑลเหอเป่ย์ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ในวันที่ 11 ก.ย.
เมืองมัณฑเลย์ – กรุงเนปิดอว์ เพิ่มมาตรการคุมเข้มสกัดโควิด -19
รัฐบาลท้องถิ่นของภูมิภาคมัณฑะเลย์ เมียนมา ที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 มีมาตรการคุมเข้มในการควบคุมโควิด-19
-บังคับใช้เคอร์ฟิวระหว่างเวลา 00.00 - 04.00 น.
-ขยายเวลาบังคับใช้มาตรการทางสังคมจนถึงวันที่ 15 ก.ย.นี้ เป็นอย่างน้อย
-กักตัวคนที่เดินทางมาจากรัฐยะไข่และภูมิภาคย่างกุ้ง เป็นเวลา 21 วันในสถานกักตัวของรัฐ หลังจากนั้นต้องกักบริเวณต่อที่บ้านอีก 7 วัน
-ห้ามรวมกลุ่มในสถานที่สาธารณะเกิน 30 คน
-ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่อออกนอกเคหสถาน
-ปิดสถานที่เสี่ยงที่มีคนรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นสถานบันเทิง โรงภาพยนตร์ และการจัดคอนเสิร์ต
ด้านสภาท้องถิ่นกรุงเนปิดอว์ ประกาศมาตรการคุมเข้มเช่นกัน
-กักตัวคนที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง เช่น รัฐยะไข่ 7 วัน เมื่อครบกำหนดแล้ว เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะตรวจโรคซ้ำอีกครั้งหากไม่พบการติดเชื้อจึงจะอนุญาตให้เฉพาะคนที่มีผลตรวจเป็นลบเดินทางเข้าพื้นที่ในกรุงเนปิดอว์
-ส่วนคนที่ตรวจพบเชื้อโรคโควิด-19 จะส่งตัวรักษาในโรงพยาบาล
เมียนมา พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของประเทศ นอกจากนั้นยังมีภูมิภาคย่างกุ้ง รัฐฉาน เขตพะโค และกรุงเนปิดอว์ ซึ่งเป็นเมืองหลวง ปัจจุบันรัฐยะไข่และ 7 เขตของภูมิภาคย่างกุ้งอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
กระทรวงสาธารณสุขของเมียนมา แถลงว่า สถิติสะสมของผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นอย่างน้อย 1,058 คน นับตั้งแต่มีการยืนยันพบผู้ป่วยคนแรกเมื่อวันที่ 23 มี.ค. เมื่อวานนี้ มีการยืนยันผู้ติดเชื้ออีก 63 คนในรอบครึ่งวันเช้า แบ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 22 คน และการติดเชื้อจากภายในประเทศ 41 คน
พบผู้ติดเชื้อในหอพักแรงงานต่างชาติในสิงคโปร์ถึง 3 แห่ง กว่า 40 คน
กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ เปิดเผยว่า พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนของโรคโควิด-19 ที่หอพักแรงงานต่างชาติถึง 3 แห่ง จำนวน 43 คน และมีผู้ป่วยที่เคยได้รับเชื้อมาก่อนอย่างน้อย 23 คน ทางการสิงคโปร์ ใช้การตรวจแบบเซรุ่มวิทยาภายในหอพักเพื่อตรวจสอบว่าผู้ป่วยเหล่านี้เพิ่งป่วยเป็นครั้งแรกหรือเคยได้รับเชื้อมาก่อน จากนั้นใช้วิธีการตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูกและคอ
นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ กล่าวว่า ทางการได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อในหอพักแรงงานต่างชาติอย่างเร่งด่วนเพื่อค้นหาผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการและป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดในวงกว้าง
ก่อนหน้านี้ นานาชาติ ชื่นชมสิงคโปร์ในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี แต่ก็ต้องแลกมากับการใช้มาตรการล็อกดาวน์ ยาวนานถึง 2 เดือนในช่วงที่เกิดการระบาดรุนแรงในหอพักแรงงานต่างชาติ รวมถึงการใช้มาตรการเข้มงวดในการกักตัวและระบบการตรวจหาเชื้อภายในหอพัก
ยังน่าห่วง ! อินโดฯ ควรเปลี่ยนวิธีรับมือ พบการระบาดเป็นกลุ่ม
สถานการณ์โควิด-19 ในอินโดนีเซียน่าห่วง นักระบาดวิทยาหลายคนของอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียกำลังอยู่ในสถานการณ์ลำบากและจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการและแนวทางในการรับมือกับโควิด-19 นายปันดู ริโอโน นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียยังไม่สามารถควบคุมการระบาดไว้ได้ ประกอบกับมีอัตราการตรวจหาเชื้อไวรัสค่อนข้างต่ำ จึงพบการระบาดแบบเป็นกลุ่มก้อนหรือคลัสเตอร์ในพื้นที่กว้างใหญ่มาก รัฐบาลจะต้องเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ในการรับมือและรักษาผู้ป่วย ตั้งแต่การตรวจหาเชื้อไวรัส การติดตามผู้ที่สัมผัสเชื้อไวรัสและการแยกกักตัว
เวียดนาม สวนทางเพื่อนบ้านในอาเซียน เตรียมเปิดเที่ยวบินไป 6 เมืองในเอเชีย
หนังสือพิมพ์ของกระทรวงคมนาคมเวียดนาม รายงานอ้างคำพูดของรองผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งเวียดนามว่า กลางเดือนนี้ ทางการเตรียมเปิดให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างประเทศใน 6 เมืองของเอเชีย ประกอบด้วย นครกว่างโจวของจีน กรุงโซลของเกาหลีใต้ กรุงเวียงจันทน์ของสปป.ลาว กรุงพนมเปญของกัมพูชา กรุงไทเปของไต้หวัน และกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น จะทำให้มีนักเดินทางราว 5,000 คนต่อสัปดาห์ อย่างไรก็ดี มาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเวียดนามยังคงกำหนดให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาเวียดนามต้องเข้าสู่มาตรการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ยกเว้นผู้ที่ประสงค์จะอยู่ในเวียดนามไม่เกิน 14 วัน และทางการเวียดนาม ยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
การตัดสินใจเปิดเที่ยวบินต่างประเทศของเวียดนาม สวนทางกับการคงมาตรการเข้มงวดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังประสบปัญหาวิกฤตด้านนักท่องเที่ยวต่างชาติและการเดินทางเพื่อธุรกิจ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และไทย
จีน ทำลายทุเรียนเถื่อนเกือบ 50 ตัน ย้ำซื้อแต่ทุเรียนไทย-มาเลย์
ศุลกากรกว่างซีสุ่ยโข่ว ของจีน ทำลายทุเรียนลักลอบนำเข้า 49.58 ตัน ที่มีมูลค่าราว 1,200,000 หยวน หรือประมาณ 5.5 ล้านบาท ในเมืองหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ทางตอนใต้ของจีน เจ้าหน้าที่ยึดทุเรียนจำนวนดังกล่าวได้ระหว่างที่สำนักงานต่อต้านการลักลอบหนีศุลกากรสังกัดศุลกากรซีสุ่ยโข่วได้เข้าทลายการลักลอบขนทุเรียนเมื่อหลายวันก่อน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังยึดรถขนส่งสินค้า 9 คันและควบคุมตัวผู้ต้องหา 5 คน มีเพียงทุเรียนจากไทยและมาเลเซียเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าสู่ตลาดจีนได้ตามข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานต่อต้านการลักลอบหนีศุลกากรสังกัดศุลกากรซีสุ่ยโข่ว กล่าวว่า ราคาทุเรียนในจีนและต่างประเทศมีความแตกต่างกัน การลักลอบนำเข้าทุเรียนทำให้พ่อค้าได้กำไรอย่างมาก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีการลักลอบนำเข้าทุเรียนเพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่จะเพิ่มความเข้มข้นในตรวจสอบ