คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชนที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน ร่วมประชุมพิจารณาเกี่ยวกับการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมนัดแรก หลังจากได้รับการต่ออายุคณะกรรมการอีก 30 วัน นายวิชา เปิดเผยว่า วันนี้ครบรอบ 8 ปีของคดีนี้ แต่ต้องมาเริ่มต้นคดีใหม่ โดยสิ่งที่ผิดพลาดไม่ว่าจะใช้ระยะเวลายาวนานแค่ไหน หรือแม้จะหมดอายุความไปแล้วทั้งหมด ก็ยังยืนยันว่าการทำให้กระจ่างชัด ทำให้คนรู้ว่าอะไรผิด อะไรถูกเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่สุด และต้องกล้าหาญเพียงพอที่จะยอมรับสิ่งที่ผิดพลาด ทุกอย่างถือเป็นจริยธรรมสูงสุดของมนุษย์ โดยเฉพาะบุคคลที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมและในระบบบริหารราชการแผ่นดิน หลังนายอรรถพล ใหญ่สว่าง อดีตอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะกรรมการอัยการ รายงานว่ามีอัยการที่มีส่วนในคดีนี้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
สำหรับความคาดหวังของสังคม หลังคดีนายวิทยา หรือ บอส อยู่วิทยา ครบ 8 ปี ภายหลังมีข้อสรุปจากคณะกรรมการออกมา นายวิชา กล่าวว่า เข้าใจว่าจะต้องไปคาดหวังที่ตัวนายกรัฐมนตรี เพราะตนได้เปิดข้อมูลไปแล้ว และได้ส่งต่อให้นายกรัฐมนตรี เรียบร้อย ทั้ง 8 ข้อ ที่นายกรัฐมนตรีจะรับไปทำ ก็ยืนยันหนักแน่นว่านายกรัฐมนตรีทำแน่นอน ซึ่งคงจะต้องใช้เวลาแต่ก็จะมีสำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) เป็นฝ่ายติดตามและส่งต่อ จัดการ และดำเนินการ ตามที่คณะกรรมการฯได้เสนอแนะไว้ ซึ่งอยู่ในกำกับของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
นายวิชา ย้ำว่า ภาระของตนเองจากนี้ คือการศึกษาและเสนอแนะกระบวนการปฏิรูปที่ทำให้พ้นจากความเสื่อม หรือความไม่แน่นอนตามที่คนไม่เชื่อถือซึ่งต้องอาศัยกฎหมาย ส่วนเรื่องใดล้าสมัยหรือมีข้อควรปรับปรุงเปลี่ยนแปลงก็จะรีบนำเสนอให้ครบภายใน 30 วัน
ส่วนการตั้งเรื่องเพื่อส่งฟ้องใหม่ในคดีนี้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการ จะต้องเริ่มจากชั้นตำรวจที่จะเป็นผู้สอบสวนใหม่ โดยการปรึกษาหารือกับคณะกรรมการป.ป.ท.และผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะนายวิษณุ ที่ต้องอาศัยการทำงานเป็นคณะทำงาน เพราะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งคนเดียวไม่ได้ จึงจะเป็นภาระของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ที่จะต้องเข้ามารับผิดชอบด้วย โดยมีคณะกรรมการ ที่เรียกว่าศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งป.ป.ท.เป็นกรรมการด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ในเอกสารการเปิดเผยข้อสรุปของคณะกรรมการหน้า 3 มีการเปิดเผยตัวละครที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความเร็ว แต่ไม่ได้เอ่ยชื่อและนามสมมติ ที่มอบให้สื่อมวลชนแต่เอกสารที่อยู่ในมือนายกรัฐมนตรีมีการระบุชื่อทั้งหมด ส่วนเหตุผลของการไม่เปิดเผยชื่อต้องไปถามที่นายกรัฐมนตรี เพราะอาจจะมีอะไรที่จะต้องรอให้แน่ใจก่อน แต่ในรายละเอียดอยู่ในฉบับเต็มสมบูรณ์ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็บอกชัดเจนว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุดตามที่ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก
ส่วนข้อครหาว่าคณะกรรมการ เผยผลสอบมาแล้วเหมือนเป็นเพียงแค่ในทางทฤษฎีแต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถทำได้ นายวิชากล่าวว่า ขอแค่มีคนเชื่อมั่นว่าทำจริง เพียงแค่ร้อยละ 90 ก็พอแล้ว เพราะไม่ว่าผู้ต้องหาอยู่ที่ไหนก็ต้องติดตามมาให้ได้ นายกรัฐมนตรียืนยันและตำรวจเปิดเผยว่าถ้าอัยการรับเรื่องไว้ก็จะดำเนินการออกหมายจับกับอินเตอร์โพล
ขณะที่กรอบการประชุมการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ได้วางกรอบตรวจสอบทุกเรื่องหากมีผู้เสนอแนะมาหรือคณะกรรมการเห็นสมควร ก็จะกำหนดประเด็นว่าเกี่ยวกับองค์กรใดบ้าง เช่น ตำรวจ และพนักงานสอบสวนหรือพนักงานสอบสวนที่ไม่ใช่เฉพาะตำรวจ พนักงานฝ่ายปกครอง อัยการ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ
ส่วนการที่ตำรวจ แจ้ง 3 ข้อกล่าวหาใหม่กับนายวรยุทธ ยังคงเชื่อเช่นเดิมว่าเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 147 ที่ตำรวจดำเนินการเพราะส่วนตัวรับทราบมาเช่นนี้