ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2563

03 กันยายน 2563, 07:38น.



“หมอยง”คาดสิ้นปีนี้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 50 ล้าน ถ้าไม่มีวัคซีน การระบาดนานกว่า 2 ปี  



          ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า โควิด-19 ในประเทศไทยสามารถควบคุม ไม่ให้มีการระบาดในประเทศได้ถึง 100 วันแล้ว แต่จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกรวม 26 ล้านคนแล้ว มีผู้ป่วยเสียชีวิตมากกว่า  800,000 ราย จะยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประมาณ 4 วัน 1,000,000 คน ภายในสิ้นปีนี้น่าจะมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 50 ล้านคน และมีการสูญเสียชีวิตมากกว่าล้านรายแน่นอน



          ความหวังที่จะหยุดยั้งการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ทุกคนตั้งความหวังไว้ที่วัคซีนแต่การให้วัคซีนกับคนทั้งโลกไม่ใช่เรื่องง่าย การจะหยุดยั้งการระบาดของโรคได้จะต้องมีคนติดเชื้อไปแล้วรวมทั้งเกิดภูมิต้านทานที่ได้จากวัคซีนรวมกันแล้ว ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50-60 ของประชากร วัคซีนจะต้องมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค ความหวังส่วนตัวขอให้มีประสิทธิภาพไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ก็ยังดี หรือให้วัคซีนแล้วถ้าติดเชื้อจะลดอาการรุนแรงลงได้ ไวรัสนี้จะยังอยู่กับเราตลอดไป สิ่งหนึ่งที่มีความต้องการอย่างยิ่ง คือยาที่ใช้รักษาจำเพาะ เพื่อลดความรุนแรงของโรค และไม่ให้เกิดการเสียชีวิตเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ต้องการในระยะยาว



          ในอดีตที่ผ่านมา ยกตัวอย่างการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สเปน ไม่ได้มีการควบคุมมากมายเท่าปัจจุบัน แต่เมื่อ 100 ปีที่แล้วประชากรก็ไม่ได้หนาแน่นเท่ากับปัจจุบัน การระบาดของโรคใช้เวลา 2 ปี โรคจึงสงบลง เชื้อไวรัสไม่ได้หมดไป เปลี่ยนเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ที่เป็นการระบาดทุกปี



          สำหรับโควิด-19 มีมาตรการในการควบคุมป้องกันลดการระบาดให้เหลือน้อยที่สุด ดังนั้นถ้าไม่มีวัคซีนมาช่วยเลย การระบาดจะต้องยาวนานกว่า 2 ปี อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อมั่นว่าภายในสิ้นปีนี้ ผลการศึกษาวัคซีนในระยะที่ 3 ที่มีถึงอย่างน้อย 6 ชนิดในปัจจุบัน ก็น่าจะเริ่มเห็นประสิทธิผลในการป้องกันโรคของวัคซีนแต่ละชนิดที่ทำการศึกษากันตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน วัคซีนที่ทำการศึกษากันประกอบไปด้วย วัคซีนเชื้อเป็นชนิดอ่อนฤทธิ์ วัคซีนเชื้อตาย วัคซีนที่ใช้วิศวกรรมพันธุศาสตร์สร้างโปรตีนจากสิ่งมีชีวิต วัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นตัวนำ วัคซีนที่ใช้ DNA หรือ RNA 



รพ.สต.เจดีย์สามองค์ กาญจนบุรี งดรักษาต่างด้าว



          มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี หลังจากที่มีชาวบ้านในพื้นที่มาแจ้งว่าเดินทางมาจากเมียนมาตามช่องทางธรรมชาติ และพร้อมจะปฏิบัติตามคำแนะนำของราชการ นายบุญเยี่ยม ทิมอรรถ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซองกาเลีย เดินทางไปที่บ้านแม่ติ้ว พร้อมนายสนั่น กำสุข ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านซองกาเลีย เจ้าหน้าที่ทหาร ตชด.และอาสาสมัครสาธารณสุข(อสม.) ติดตามครอบครัวของชาวบ้านคนดังกล่าวและนำมากักตัว 14 วัน รวมทั้งนำน้ำยาฆ่าเชื้อมาฉีดพ่นบริเวณบ้านหลังดังกล่าว เพื่อป้องกันโรค



          ขณะที่สาธารณสุขอำเภอสังขละบุรี สั่งการให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพระเจดีย์สามองค์ งดให้บริการรักษาชาวเมียนมาในช่วงนี้ กรณีผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานที่ต้องรับยาประจำ โดยจะจัดส่งให้ผ่านเจ้าหน้าที่เมียนมาที่ชายแดน ก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์โควิด-19 พบว่าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพระเจดีย์สามองค์ มีชาวเมียนมาข้ามแดนมาจากฝั่งพญาตองซู มารับบริการด้านสาธารณสุขทุกวันเฉลี่ยวันละ 40-50 คน



ทีเส็บ ชง ศบค.ไฟเขียว โครงการ 'สเปเชียล เจอร์นีย์'



          นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) กล่าวว่า ทีเส็บ เตรียมเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. พิจารณา สเปเชียล เจอร์นีย์ (Special Journey) แนวทางนำนักเดินทางเพื่อธุรกิจเข้าไทยอย่างมีแบบแผนรัดกุม โดยไม่ต้องเข้ากักตัว 14 วัน นำร่องกลุ่มเดินทางมาร่วมงานจัดแสดงสินค้า (เอ็กซิบิชั่น) หรือกลุ่มไมซ์ ก่อน



-คนที่จะเดินทางเข้ามาต้องมีใบรับรองจากประเทศต้นทางว่าปลอดเชื้อโควิด-19 จำนวน 72 ชั่วโมง



-เมื่อเดินทางถึงสนามบินในไทย ต้องกักตัวนาน 6-8 ชั่วโมงเพื่อตรวจหาเชื้อยืนยันอีกครั้ง



-ต้องเข้าพักในโรงแรม Alternative State Quarantine (ASQ) หรือ สถานที่กักตัวทางเลือก ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลโดยผู้กักตัวต้องจ่ายเงินเองให้กับสถานที่ที่เลือกเข้าพัก 



-ในช่วงที่อยู่ในประเทศไทย บริษัทผู้รับจัดบริการเดินทาง (ดีเอ็มซี) และเจ้าหน้าที่ติดต่อประสานงาน ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดตลอดทริปจนกว่าจะบินกลับภูมิลำเนา รวมถึงต้องใช้งานแอปพลิเคชั่นหมอชนะ และแอปฯทีเส็บ อยู่ระหว่างผลิตเพื่อสนับสนุนระบบการติดตามตัว คาดแล้วเสร็จภายในต้นปี 2564

          ข้อเสนอเรื่อง สเปเชียล เจอร์นีย์  นายจิรุตถ์ กล่าวว่า เกือบผ่านที่ประชุม ศบค.แล้ว แต่เกิดกรณีทหารอียิปต์ที่ จ.ระยอง ก่อน ข้อเสนอนี้จึงถูกระงับไว้ แต่ล่าสุดจะมีการพิจารณาถึงแนวทางนี้อีกครั้ง ซึ่งต้องรออนุมัติจากที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ภายในเดือนนี้ หากได้รับการอนุมัติก็จะเริ่มดำเนินการนำนักเดินทางเพื่อธุรกิจกลุ่มนี้เข้าเป็นกลุ่มย่อยก่อนและทำอย่างรัดกุม เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราสามารถจัดการได้ ขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมไมซ์เดินหน้าต่อไปได้ เพราะไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาธุรกิจจากต่างประเทศเป็นหลัก



          สำหรับเจ้าหน้าที่ติดต่อประสานงาน ทีเส็บ กำหนดจัดอบรมรุ่นแรก 30 คน ในวันที่ 10 ก.ย. อัตราส่วนเจ้าหน้าที่ 1 คน ติดตามนักเดินทางไมซ์ 10 คน ให้ค่าจ้างวันละไม่ต่ำกว่า 2,500 บาท แต่มีเงื่อนไขว่าเมื่อกลุ่มนักเดินทางไมซ์ที่เจ้าหน้าที่ดูแลเดินทางกลับประเทศแล้ว ต้องเข้ากักตัวที่สถานกักกันตัวของรัฐบาล (เอสคิว) เป็นระยะเวลา 14 วัน โดยจะดึงพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินต่างๆ ที่ต้องหยุดงานชั่วคราวเพราะไม่มีเที่ยวบิน มาร่วมอบรมเป็นเจ้าหน้าที่

บ่ายนี้ ก.แรงงาน ประชุมปลัดทุกกระทรวง เดินหน้างาน Thailand Job Expo 2020



          การให้ความช่วยเหลือเด็กจบใหม่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า หลังจากที่ศบศ.อนุมัติโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและภาคเอกชนแล้ว ได้ส่งเรื่องให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปดำเนินการต่อ เพราะโครงการนี้ต้องใช้งบประมาณจากเงินกู้ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 400,000 ล้านบาท เมื่อสศช.พิจารณาเสร็จแล้วจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป ประกอบด้วย



1.มาตรการจ่ายเงินอุดหนุนสมทบเงินเดือนค่าจ้างแรงงานใหม่ให้กับลูกจ้างที่เพิ่งจบการศึกษา ด้วยการโอนเงินตรงเข้าบัญชีของลูกจ้างในธนาคารกรุงไทย รัฐบาลจะจ่ายเงินสมทบร้อยละ 50 ของค่าจ้างแต่ละเดือนตามวุฒิการศึกษา ต้องไม่เกินรายละ 7,500 บาท โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 12 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2563-30 ก.ย.2564 กรอบวงเงินงบประมาณที่จะใช้ 23,476.4 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายจ้างงานผู้จบการศึกษาใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 260,000 คน ส่วนผู้ที่จะลงทะเบียนเพื่อรับเงินอุดหนุนนี้ต้องมีคุณสมบัติเป็นคนไทย อายุไม่เกิน 25 ปี หรือถ้าเป็นผู้ที่มีอายุเกิน 25 ปี ต้องสำเร็จการศึกษาในช่วงปี 2562-2563

2.การจัดงาน "ไทยแลนด์ จ๊อบ เอ็กซ์โป (Thailand Job Expo 2020)" ที่จะรวมตำแหน่งงานของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประมาณ 1,000,000 ตำแหน่ง เพื่อจับคู่ตำแหน่งงานกับตัวบุคคล



3.การใช้แพลตฟอร์มที่ชื่อ "ไทยมีงานทำ" ซึ่งกระทรวงแรงงานจะนำมาใช้เป็นฐานข้อมูลใหญ่ (บิ๊กดาต้า) สำหรับการจัดงาน "ไทยแลนด์ จ๊อบ เอ็กซ์โป" ช่วงบ่ายนี้ กระทรวงแรงงานเชิญปลัดกระทรวงทุกกระทรวงมาประชุมเพื่อให้นำฐานข้อมูลตัวเลขการจ้างงานของปี 2564 ของแต่ละกระทรวงมาพิจารณาซึ่งจะใช้ในการตั้งบูธในงานดังกล่าว ส่วนเรื่องสถานที่จัดงาน กำลังพิจารณาอยู่เพราะต้องใช้ฮอลล์จัดงานขนาดใหญ่ การจัดงานนี้จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้



คาด ต.ค.เริ่มโครงการคนละครึ่ง กระตุ้นการใช้จ่ายรอบใหม่



          นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการสำนักสศช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมศบศ.มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายรอบใหม่ (ชิมช้อปใช้) เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน และกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย เช่น หาบเร่ แผงลอย คนละ 3,000 บาท งบประมาณรวม 45,000 ล้านบาท โดยจะใช้ชื่อโครงการคนละครึ่ง ดำเนินการผ่าน www.คนละครึ่ง.com



          คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 15 ล้านคน เป็นเวลา 3 เดือน โดยจะกำหนดให้ใช้วันละ 100-250 บาท เป็นลักษณะร่วมจ่าย โดยผู้ซื้อจ่ายร้อยละ 50 และรัฐจ่ายให้ร้อยละ 50 ผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น อาหาร และเครื่องดื่ม ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และโทรศัพท์มือถือ ผ่านร้านค้าทั่วไป รวมถึงร้านค้าสะดวกซื้อ เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น และในห้างสรรพสินค้า คาดว่า จะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 90,000 ล้านบาท



          นายดนุชา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งประชาชนที่ใช้สิทธิ และร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ เพื่อนำเสนอให้ที่ประชุมศบศ.พิจารณาเห็นชอบอีกครั้งภายใน 2 สัปดาห์ คาดว่า โครงการนี้จะเริ่มได้ในเดือนต.ค. 


ข่าวทั้งหมด

X