ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพุธที่ 2 กันยายน 2563
ไม่ปกป้องใคร ผช.ผบ.ตร. แต่เรียก ‘สมยศ’ มาสอบสวนไม่ได้
หลังมีผลตรวจสอบจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน พลตำรวจโทจารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมดำเนินการตามข้อเสนอแนะในเรื่องการรื้อฟื้นคดีอาญา โดยมีความเห็นสั่งฟ้องนายวรยุทธ ใน 3 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ถึงแก่ความตาย, ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือฯ และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) โดยผิดกฎหมาย แต่คาดว่าในส่วนของข้อหาไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือฯ อัยการอาจสั่งไม่ฟ้อง เพราะคดีขาดอายุความไปแล้ว
โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาโทษทางวินัยของตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการทำ
คดีนี้ จำนวน 21 คน แบ่งเป็น 10 คน ที่เพิ่งตรวจพบข้อบกพร่องใหม่ และอีก 11 คน ที่เคยถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดแล้ว หากพบความผิดเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาเพิ่มเติม จะส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณาอีกครั้ง และหากพบตำรวจรายใดที่อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ก็อาจเสนอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกคำสั่งให้มีการช่วยราชการไว้ก่อน หากพบพยานหลักฐานว่ามีตำรวจนายใดเข้าข่ายประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จะไม่ช่วยเหลือปกป้องตำรวจที่กระทำผิดอย่างเด็ดขาด
พลตำรวจโทจารุวัฒน์ กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของตำรวจ ไม่สามารถเรียก พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาสอบสวนได้ เนื่องจาก พลตำรวจเอกสมยศ ไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว
ส่วนการตามตัว นายวรยุทธ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ต้องรอให้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องก่อน จึงจะดำเนินการตามขั้นตอนขอหมายแดงจากองค์กรตำรวจสากลได้ ตำรวจพบความเคลื่อนไหวของนายวรยุทธ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยประเทศปลายทางได้ และไม่สามารถชี้ชัดได้เช่นกันว่า นายวรยุทธ ถือหนังสือเดินทางของชาติใดอยู่ เนื่องจากอำนาจการออกหนังสือเดินทางเป็นของประเทศนั้น ๆ
ลูกสาวนายกฯ ส่งทนายแจ้งตำรวจ เอาผิดกว่า 100 บัญชีโซเชียล ป้ายสี เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ฟอกเงินหนีไปต่างประเทศ
นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทนายความประจำสำนักกฎหมาย รับมอบอำนาจจาก น.ส.ธัญญา และ น.ส.นิฏฐา จันทร์โอชา บุตรสาวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ให้ดำเนินคดีผู้ที่เผยแพร่ข้อความเท็จซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง มี พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผบก.น.1 ร่วมสอบปากคำ โดยเฉพาะทวีตเตอร์ รวมกว่า 100 บัญชี ที่ลงข้อมูลเท็จใส่ร้ายให้เสียหาย
พร้อมย้ำว่า ในกรณีนี้ นายกฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ได้สั่งหรือกำชับอะไรมา แต่มาในนามส่วนตัว แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยถูกกล่าวหามาโดยตลอด แต่ล่าสุดเป็นเรื่องร้ายแรง หาว่าทุจริตโกงเงินประเทศหลักหมื่นล้าน ซึ่งไม่มีมูลความจริง เป็นการให้ร้ายเสื่อมเสียชื่อเสียงกับวงศ์ตระกูล จึงได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงใน 10 ประเด็น เช่น
-เปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนนามสกุลกลับไปเป็นของมารดา เพื่อหลบหนีคดีฟอกเงินของบิดา ยืนยันว่าไม่เคยเปลี่ยนชื่อและนามสกุลโดยใช้ชื่อเดิมตั้งแต่เกิดจนปัจจุบัน
-มีการซุกเงิน ฟอกเงิน โดยบิดาโอนเงินเข้าบัญชีลูกที่ต่างประเทศ ยืนยันทั้งสองไม่มีบัญชีธนาคารที่ต่างประเทศ มีเพียงบัญชีธนาคารในประเทศไทยเท่านั้น
-บิดาโอนเงินเข้าบัญชีลูกทั้งสองคนเพื่อฟอกเงิน ข้อเท็จจริงบิดาโอนเงินให้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือความลับใดๆ บิดาเป็นผู้ชี้แจงเองและแจกแจงที่มาที่ไปของเงินอย่างชัดเจนในการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.อย่างเปิดเผย โดยเงินส่วนนี้มีที่มาจากการขายที่ดินของ พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา (คุณปู่) และมีการแบ่งทรัพย์สินภายในครอบครัว ซึ่งที่ดินผืนนี้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัวมามากกว่า 50 ปี
หุ้นไทยปิดบวกรับมาตรการกระตุ้นศก.
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,315.88 จุด เพิ่มขึ้น 10.31 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,682.22 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายมีแรงซื้อกลับเข้ามา หลัง ศบศ.ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการคล้าย"ชิม ช้อป ใช้"คนละ 3,000 บาท เริ่มใช้ ต.ค.นี้
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตของ สหรัฐฯที่ดีกว่าคาด ดัชนีนิกเกอิ ปิดที่ระดับ 23,247.15 จุด เพิ่มขึ้น 109.08 จุด
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อทำกำไร หลังจากที่ฮั่งเส็งปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเปิดตลาดตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดวันนี้ที่ 25,120.09 จุด ลดลง 64.76 จุด
ไทยเสี่ยง หากโควิด-19 เมียนมา หลุดระบาดในไทย
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ไม่ว่าสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในเมียนมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม ประเทศไทยจะต้องเตรียมการอย่างดีเพื่อป้องกันการมีผู้ป่วยกระเซ็นเข้ามา โดยเน้นคุมเข้ม 10 จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมา คือจังหวัดระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และกลุ่มจังหวัดที่มีแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายมักจะไปทำงาน ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรม คือ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ชลบุรี เป็นต้น
โดยจังหวัดเหล่านี้ต้องเตรียมความพร้อม ซักซ้อมจัดระบบการป้องกัน ค้นหา เตรียมระบบรักษาพยาบาล และเตรียมทีมสอบสวนโรคเพิ่มเติม
นอกจากนั้น สมาพันธ์แพทย์อินโดนีเซียออกมาเปิดเผยว่ามีแพทย์เสียชีวิตจากการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว ประมาณ 100 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน 28-39 ปี และถ้าดูการกลับมาระบาดรอบ 2 ในประเทศนิวซีแลนด์ เวียดนาม ก็พบว่ามีการติดเชื้อในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมาก ดังนั้นในส่วนของไทย เราไม่เจอผู้ป่วยมาระยะหนึ่ง ถ้าจะกลับมาเจอผู้ป่วยอีกระยะแรกอาจจะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ได้ ตรงนี้คืออีกหนึ่งจุดแตกหักของการระบาด
สำหรับการท่องเที่ยว ภูเก็ตโมเดล และหลายจังหวัดที่มีความพร้อมอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ โดยให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วมบริหารสถานการณ์ คือจังหวัดต้องมีความพร้อมรับมือหากมีผู้ป่วย เพิ่มศักยภาพระบบการควบคุมโรค เพิ่มทีมสอบสวนโรค 3-5 เท่า เตรียมเตียงรองรับ เตรียมการตรวจวินิจฉัย ทั้งนี้เวลาที่เราตั้งความหวังว่าจะออกมาดี ก็ต้องเตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์ที่แย่ที่สุด เลวร้ายที่สุด ที่สำคัญคือประชาชนในพื้นที่เข้าใจและมีความพร้อม โดยหลักการคือคนต่างชาติที่เข้ามาต้องถูกกักตัว ดังนั้นคนที่เข้ามาต้องมีเวลามากพอ อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังอยู่ในขั้นเตรียมการในภาพใหญ่ หากพร้อมและเห็นภาพชัดจึงจะเริ่ม
มท.รื้อฟื้นกิจกรรม เดิน กิน ชิม เที่ยว ถนน ในแต่ละจังหวัด ฟื้นฟูเศรษฐกิจ
หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เริ่มคลี่คลายลงและภาครัฐได้มีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้สั่งเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากและสร้างรายได้ให้ประชาชนในระดับพื้นที่ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ดำเนินการขับเคลื่อนการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีในระดับจังหวัด “เดิน กิน ชิม เที่ยว ถนน….. จังหวัด…” อย่างต่อเนื่องตลอดปี อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้งตามแนวทางรูปแบบที่กำหนด
นอกจากนั้น ยังได้กำชับให้ทุกจังหวัดปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และสร้างความความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวอันจะส่งผลให้เกิดการสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่ในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) อย่างยั่งยืน
จีนเปิดให้คนไทยเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งได้ แต่ต้องกักตัว 14 วัน
สำนักงานการบินพลเรือนจีน ออกแถลงการณ์วันนี้ว่า จะทยอยให้ผู้โดยสารระหว่างประเทศเดินทางเข้ากรุงปักกิ่งได้ตั้งแต่วันที่ 3 กันยายนเป็นต้นไป จากเดิมที่ให้ไปลงเมืองอื่น ประกอบด้วยเที่ยวบินจากไทย กัมพูชา ปากีสถาน กรีซ เดนมาร์ก ออสเตรีย สวีเดน และแคนาดา เพราะทั้งหมดมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 เข้าประเทศในอัตราต่ำ แต่ไม่ได้ระบุว่าผู้โดยสารจะต้องเป็นพลเมืองของประเทศเหล่านี้หรือไม่ ด้านเจ้าหน้าที่กรุงปักกิ่ง เปิดเผยว่า ผู้โดยสารเที่ยวบินข้างต้นจะต้องกักตัวที่หน่วยงานรัฐบาลกลางเป็นเวลา 14 วัน เมื่อเดินทางถึงและต้องรับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19
จีนให้เที่ยวบินระหว่างประเทศเข้ากรุงปักกิ่งไปลงที่เมืองอื่นตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม นับจนถึงวันอังคาร มีเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้ากรุงปักกิ่งถูกให้ไปลงเมืองอื่นแล้วทั้งหมด 511 เที่ยว สถานการณ์ในกรุงปักกิ่งโดยทั่วไปกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังคงมีการวัดไข้ก่อนเข้าอาคาร และบางสถานที่ขอให้ประชาชนใช้แอปพลิเคชันด้านสุขภาพสแกนคิวอาร์โค้ด ขณะที่ยอดผู้ป่วยใหม่ทั่วประเทศในวันนี้อยู่ที่ 8 คน
ล็อกดาวน์เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ คุมโควิด-19 ระบาด หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น
นางนิโคลา สเตอร์เจียน นายกรัฐมนตรีสกอตแลนด์กล่าวว่า ชาวสกอตแลนด์ในเมืองกลาสโกว์และอีก 2 เมืองใกล้เคียงไม่ควรเดินทางไปมาหาสู่กัน หลังตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 66 คนวานนี้ และมีคำสั่งใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ผู้นำสกอตแลนด์ ยอมรับว่า จะเกิดความยากลำบากมากแค่ไหนในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะเธอก็เป็นชาวกลาสโกว์ที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการนี้เช่นกัน เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลมและเลี่ยงการใช้มาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในอนาคต
ก่อนหน้านี้ นายแอนดี เบิร์นแฮม นายกเทศมนตรีเมืองแมนเชสเตอร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษตำหนิมาตรการของทางการอังกฤษว่าไม่สมเหตุสมผล โดยระบุว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาทางการท้องถิ่นได้รับคำสั่งให้ประกาศใช้มาตรการต่าง ๆ ใน 2 เมืองที่มีตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่เมืองใกล้เคียงก็ต้องใช้มาตรการเดียวกันด้วยทั้ง ๆ ที่มีผู้ป่วยติดเชื้อน้อยกว่ามาก ทั้งยังกล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนให้ประชาชน ทำให้มาตรการเหล่านี้ไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง
ญี่ปุ่นยังพบติดเชื้อรายวัน กว่า 500 คน พบผู้ติดเชื้อจากการเปิดท่องเที่ยว 6 คน
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศญี่ปุ่น ประจำวันที่ 2 กันยายน 2563เมื่อเวลา 18.30 น. มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วประเทศญี่ปุ่นจำนวน 583 คน มีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้
- กรุงโตเกียวมีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 141 คน นับเป็นวันที่ 4 ที่มีผู้ติดเชื้อใหม่เกินกว่า 100 คน แต่ไม่ถึง 200 คน
- จังหวัดโอซากา 96 คน
- จังหวัดคานากาวะ 76 คน
- จังหวัดฟูกูโอกะ 49 คน
- จังหวัดไซตามะ 31 คน
- จังหวัดไอจิ 28 คน
รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ต่างๆที่น่าสนใจ ดังนี้
-ผู้ติดเชื้อในกรุงโตเกียวร้อยละ 55 ไม่ทราบเส้นทางการติดเชื้อ และร้อยละ 45 (76 คน) ติดต่อจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่ติดจากสมาชิกในครอบครัว (20 คน) จากที่ทำงาน 14 คน จากสถานพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ 14 คน จากงานเลี้ยงสังสรรค์ในหมู่เพื่อน 11 คน และจากสถานบันเทิงยามค่ำคืน 4 คน
ด้านนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว Go To Travel ว่า ในช่วงระยะเวลา 1 เดือน ตั้งแต่เริ่มโครงการฯ มีผู้ใช้บริการแล้วอย่างน้อย 5,560,000 คน และในจำนวนนี้พบผู้ติดเชื้อไวรัสฯ จำนวน 6 คน ส่วนการจะเพิ่มกรุงโตเกียวเข้าไปในโครงการนั้น จะต้องรอการตัดสินใจการประเมินสถานการณ์การติดเชื้อจากผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าที่จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากตัวไวรัสนี้มีลักษณะที่ติดต่อได้ง่าย และมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดอาการรุนแรงกับผู้ที่ติดเชื้อ
เฝ้าระวังต่อ หลังพบ'3สารพิษ'ในผักผลไม้
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์สุ่มตรวจผัก-ผลไม้สด 154 ตัวอย่าง จากตลาด 41 จังหวัด พบสาร 'พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ ไพริฟอส' ตกค้างในใบบัวบก คะน้า กะหล่ำปลี ส้ม องุ่น พริกขี้หนู ผักกาดขาว ฯลฯ ยันเฝ้าระวังทุกพื้นที่ทั่วประเทศต่อเนื่อง นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร กรมวิทยาศาสตร์ฯ ได้สุ่มตัวอย่างผักและผลไม้สดจากตลาดใน 41 จังหวัด จำนวน 154 ตัวอย่าง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์-กรกฎาคม 2563 พบว่า มีสารคลอร์ไพริฟอสตกค้างในตัวอย่างผักผลไม้สด 20 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 13 ผักผลไม้ที่พบ ได้แก่ ใบบัวบก คะน้า กะหล่ำปลี ส้ม องุ่น ฝรั่ง มะยงชิด และพบไกลโฟเซตตกค้างในตัวอย่างผักผลไม้สด จำนวน 6 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 4 ผักผลไม้ที่พบ ได้แก่ พริกขี้หนู ผักกาดขาว โหระพา ส้ม องุ่น และในเดือนพฤษภาคม ได้สุ่มเก็บตัวอย่าง ถั่วเมล็ดแห้งและธัญพืช ได้แก่ ถั่วเหลือง ข้าวโพด ข้าวบาเลย์ ข้าวสาลี และแป้งข้าวสาลี จำนวน 12 ตัวอย่าง พบว่ามีการตกค้างไกลโฟเซตในตัวอย่างถั่วเหลือง 4 ตัวอย่าง