"พายุไมสัก" พัดเข้าเกาะโอกินาวา ญี่ปุ่น บาดเจ็บ 4 คน
พายุไต้ฝุ่นไมสัก(Typhoon Maysak)ขึ้นฝั่งเกาะโอกินาวาของญี่ปุ่น โดยมีความเร็วสูงสุด 101 ไมล์/ชั่วโมง ทำให้ประชาชนไม่ต่ำกว่า 30,000 คน ไม่มีไฟฟ้าใช้ สถานีโทรทัศน์ NHK รายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 4 คน ยกเลิกเที่ยวบินไม่ต่ำกว่า 240 เที่ยวทั้งไปและกลับในภูมิภาคโอกินาวา
เส้นทางของพายุหลังจากที่ออกจากญี่ปุ่นแล้ว คาดว่าจะมีกำลังแรงขึ้นเป็นเฮอริเคนระดับ 4 มุ่งหน้าไปที่เกาหลีใต้ หนังสือพิมพ์โคเรียเฮอรัลด์ รายงานว่า เกาหลีใต้เตรียมรับมือกับพายุเฮอร์ริเคนไมสักแล้วคาดว่าจะเข้าเกาะเจจู(Jeju Island) สถานพักตากอากาศชื่อดังและพื้นที่ชายฝั่งทางใต้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันพรุ่งนี้ กระทรวงกิจการภายในและความปลอดภัยเกาหลีใต้(Ministry of the Interior and Safety) เพิ่มระดับคำเตือนขึ้นไปสู่ระดับที่ต้องมีความระมัดระวังและสั่งให้เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อม
นายกฯ เลบานอน ให้คำมั่นเร่งฟื้นฟูกรุงเบรุต จากเหตุระเบิดครั้งรุนแรง
เดินหน้าฟื้นฟูกรุงเบรุต เลบานอน ทันทีที่นายมุสตาฟา อาดิบ รับตำแหน่งนายกฯคนใหม่ หลังจากที่เมื่อวันที่ 4 ส.ค. เกิดเหตุระเบิดรุนแรงที่ท่าเรือกรุงเบรุตทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมากทั้งชีวิตและทรัพย์สิน นายอาดิบ ให้คำมั่นว่าจะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่โดยเร็วและเริ่มต้นการฟื้นฟูกรุงเบรุต ลดทอนความเจ็บปวดของประชาชน โดยรัฐบาลชุดใหม่ จะจัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญอิสระที่มีความสามารถในการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเงิน
เมื่อวันจันทร์ รัฐสภาเลบานอน อนุมัติการแต่งตั้งนายอาดิบ เอกอัครทูตเลบานอนประจำเยอรมนี เป็นนายกฯ หลังจากที่นายฮัสซัน ดิอับ อดีตนายกฯลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 ส.ค. เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดรุนแรงในกรุงเบรุต
"เจพีมอร์แกน"เตือนนักลงทุน"ทรัมป์"มีโอกาสมากขึ้นที่จะชนะการเลือกตั้ง
นายมาร์โค โคลาโนวิก นักวิเคราะห์ของบริษัทเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยว่า นักลงทุนควรเตรียมพร้อมมากขึ้นหากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 นายโคลาโนวิก กล่าวว่า โอกาสของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัย 2 ได้ตีตื้นขึ้นมาเกือบเสมอนายโจ ไบเดน คู่ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้โอกาสชนะของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังเป็นรองนายไบเดน นายโคลาโนวิก ระบุว่า อะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วง 60 วันข้างหน้า แต่ขณะนี้เราเชื่อว่าแนวโน้มในการสนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์จะดำเนินต่อไป ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงคาดว่านายไบเดนจะชนะการเลือกตั้ง
นายโคลาโนวิก ระบุว่า จากการวิจัยที่ผ่านมา อาจมีการเปลี่ยนแปลงคะแนนสนับสนุนราว 5-10 จุดจากผลการสำรวจ หากการประท้วงเปลี่ยนจากแบบสันติไปเป็นความรุนแรง และการที่ประชาชนให้คำตอบที่ไม่ถูกต้องก็อาจบิดเบือนผลการสำรวจได้ราวร้อยละ 5-6 ปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อการเลือกตั้งในสัปดาห์ต่อๆไปได้แก่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ดูเหมือนว่าอาจจะลดลงเมื่อใกล้วันเลือกตั้ง
ความได้เปรียบที่ลดลงของนายไบเดนในผลสำรวจทำให้นึกถึงการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 ซึ่งนางฮิลลารี คลินตัน ชนะคะแนนสนับสนุนจากประชาชน (popular vote) หลายล้านคะแนน แต่คณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ของแต่ละรัฐกลับเป็นผู้ชี้ขาดผลการเลือกตั้ง และสนับสนุนให้ประธานาธิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในปีดังกล่าว
"ทรัมป์" กลบเรื่องโควิด-19 ชูเรื่องความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เป็นประเด็นหาเสียง
การลงพื้นที่ที่เมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซิน สหรัฐฯ ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันนี้ มีการจับตามอง เรื่องการพลิกเกมหาเสียงนำเรื่องความสงบเรียบร้อยกลบวิกฤตโควิด-19 และทำให้นายโจ ไบเดน ดูเหมือนเสียศูนย์อย่างชัดเจน การลงพื้นที่ที่เมืองเคโนชา นายเคย์ลีห์ แมคอีเนนี โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ จะพบกับเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายและเจ้าของธุรกิจในท้องถิ่น รวมทั้งสำรวจความเสียหายจากเหตุการณ์ประท้วงหลังจากเกิดเหตุเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายจาค็อบ เบล็ค แต่ไม่มีแผนไปเยี่ยมครอบครัวนายเบล็ค ชายผิวดำที่ถูกตำรวจรัวยิงที่หลัง
ก่อนหน้านี้ นายโทนี เอเวอร์ส ผู้ว่าการรัฐวิสคอนซินและสมาชิกพรรคเดโมแครต ขอร้องให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ล้มเลิกแผนการเพราะกลัวทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น และนายจอห์น แอนทาราเมียน นายกเทศมนตรีเมืองเคโนชาจากพรรคเดโมแครตเช่นกัน บอกว่า ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเดินทางลงพื้นที่ เช่นเดียวกับครอบครัวของนายเบล็ค ไม่ต้องการให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นำประเด็นนี้มาหาเสียง
หวั่นโควิด-19 ระบาด ! ชาวเมืองอู่ฮั่น พบการแอบขายกบป่า ในตลาด
แฮชแท็ก “ตลาดอาหารอู่ฮั่นขายกบป่า” กลายเป็นหัวข้อร้อนบนสื่อออนไลน์เว่ยป๋อ โดยมีผู้อ่านมากกว่า 170 ล้านครั้ง ชาวเน็ตจีนจำนวนมาก แสดงความกังวลและไม่พอใจต่อการกระทำดังกล่าว และเรียกร้องให้ทางการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เจ้าหน้าที่ทางการอู่ฮั่น ทำการตรวจสอบและยอมรับว่ามีเบาะแสการจำหน่ายกบป่าจริง อยู่ระหว่างสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับคนที่ทำผิด รายงานระบุว่า ชาวเมืองอู่ฮั่นพบพ่อค้าในตลาดเทียนเชิงเจีย ลักลอบจำหน่ายกบป่าราคากิโลกรัมละ 50 – 60 หยวน หรือประมาณ 250 – 300 บาท
การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 เชื่อกันว่า มาจากสัตว์ป่า ทำให้สภานิติบัญญัติจีน ห้ามการกินสัตว์ป่าทั่วประเทศอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่เมื่อเดือน ก.พ. 2563 คณะกรรมาธิการประจำสภาผู้แทนประชาชนจีน ชี้แจงอย่างชัดเจนว่ากฎหมายห้ามกินสัตว์ป่าฉบับใหม่นี้ ครอบคลุมสัตว์ป่าทุกชนิดที่อยู่ในรายชื่อสัตว์ที่ได้รับความคุ้มครองในกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า (Wild Animal Protection Law) ฉบับที่บังคับใช้อยู่ หรือกฎหมายอื่นๆ และสัตว์ป่าบกทุกชนิด รวมทั้งสัตว์ป่าในศูนย์เพาะเลี้ยงและฟาร์ม
ยังไม่รู้สาเหตุ! จีน คุมตัว "เจิ้ง เล่ย" ผู้ประกาศข่าวออสเตรเลียทำงานในจีน
ท่ามกลางความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างจีนและออสเตรเลียมีขึ้นตั้งแต่ออสเตรเลียเรียกร้องให้องค์การระหว่างประเทศ สอบสวนถึงที่มาของไวรัสโคโรนาที่ทำให้ทั่วโลกเกิดวิกฤตการแพร่ระบาด ส่งผลทำให้จีนเริ่มต้นมาตรการกีดกันทางการค้ากับออสเตรเลียตั้งแต่การขึ้นภาษีนำเข้าและสอบสวนการต่อต้านการทุ่มตลาดของผลิตภัณฑ์ออสเตรเลีย ล่าสุดออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการเรื่องที่จีนควบคุมตัวของพลเมืองออสเตรเลีย คือ เจิ้ง เล่ย (Cheng Lei) ผู้ประกาศข่าวธุรกิจที่ทำงานให้กับสถานีโทรทัศน์จีน CGTN
นายไซมอน เบอร์มิงแฮม รัฐมนตรีการค้าออสเตรเลีย เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนไม่ได้อธิบายเหตุผลของการควบคุมผู้ประกาศข่าวสาวชื่อดังรายนี้ เจิ้ง เล่ย เป็นพลเมืองออสเตรเลียซึ่งทำงานเป็นนักข่าวในจีนมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง
อัลจาซีเราะห์ กล่าวว่า เจิ้ง เล่ย ถูกขังอยู่ในกรุงปักกิ่งที่เรือนจำพิเศษ RSDL(residential surveillance at a designated location) ซึ่งเป็นสถานที่อนุญาตให้ผู้มีอำนาจสามารถขยายการควบคุมตัวได้นานถึง 6 เดือนและไม่สามารถติดต่อทนายความและครอบครัวได้ และเรือนจำพิเศษRSDL ของจีนแห่งนี้เคยถูกสหประชาชาติตำหนิมาแล้ว
นายอีเลน เพียร์สัน ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอชประจำออสเตรเลีย แสดงความวิตกกังวลการควบคุมตัวเจิ้ง เล่ย และขอให้รัฐบาลจีน ชี้แจงถึงสาเหตุการควบคุมตัว
ด้านครอบครัวของเจิ้ง เล่ย แถลงการณ์หวังว่าเรื่องของเจิ้ง เล่ย จะสามารถยุติลงได้อย่างรวดเร็วและในเชิงสร้างสรรค์ ทางครอบครัวจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงการค้าออสเตรเลีย