ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563
รมว.กลาโหม ยืนยันไม่ยกเลิกซื้อ "เรือดำน้ำ" แค่ชะลอ
โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่2 และ3พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า กองทัพเรือก็ต้องไปคุยกับทางจีนในฐานะคู่สัญญาว่าจะชะลอการจ่ายเงินในปีหน้าได้หรือไม่ ส่วนจะเดินหน้าซื้อเรือดำน้ำต่อ เพียงแต่ชะลอการจ่ายเงินไปปีหน้าใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะไปหยุดไปอย่างไร เพราะเป็นแผนการพัฒนาของกองทัพ และที่สำคัญเรามีหลักการ และเหตุผลที่ได้ชี้แจงไปแล้ว เนื่องจากเป็นแผนงานการพัฒนาทางเรือ และต้องไปดูว่าขณะนี้สถานการณ์รอบประเทศเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าจะมองดูเหมือนว่าไกล แต่ก็ไม่ไกลมากนัก และเราก็มีการฝึกร่วมมาโดยตลอด หลายปีมาแล้วเรื่องเรือดำน้ำ แต่ก็ไม่เคยมีเรือดำน้ำที่จะฝึกร่วมกับเขาเลย ทั้งที่เรามีพื้นที่อาณาเขตทางเรือฝั่งทะเลมากมายมหาศาลพอสมควร โดยเฉพาะ 200 ไมล์ทะเลที่เกี่ยวกับน่านน้ำของเรา ก็ต้องระมัดระวังตรงนี้เอาไว้ อย่านำการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในแต่ละช่วงมาเปรียบเทียบกัน วันนี้ต้องมองไปข้างหน้าหากช้าเกินไปอาจไม่ทันเวลา สิ่งที่มีก็เพื่อการป้องกันรักษาทรัพยากรทางทะเลของไทย การประมงนอกน่านน้ำและในน่านน้ำ ปัจจุบันเราต้องใช้กองกำลังทางเรือเป็นจำนวนมาก
กองทัพเรือส่งเอกสารลดงบซื้อเรือดำน้ำเหลือ 0 บาท
ในประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ซึ่งมีวาระเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่า 22,500 ล้านบาท ของกองทัพเรือ ขณะที่นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ทางกองทัพเรือเจรจากับทางการจีนเพื่อให้ชะลอการจัดซื้อออกไป 1 ปี
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมาธิการงบประมาณมีมติเห็นชอบลดงบประมาณกองทัพเรือ ดังนี้ เห็นด้วย 63 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ชะลอการจัดซื้อออกไปอีก 1 ปี พร้อมๆ กับกองทัพเรือ ได้ส่งตัวแทนพร้อมหนังสือการปรับลดงบประมาณการจัดหาเรือดำน้ำ 2 ลำ ในปีงบประมาณ 2564 จำนวน 3,925 ล้านบาท เหลือ 0 บาท พร้อมให้เหตุผลเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ แม้จะเป็นความเสียหายต่อแผนดำเนินการของกองทัพเรือ
ไทยเข้มงวดชายแดนติดต่อกับเมียนมา
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีการระบาดระลอกที่ 2 ในรัฐยะไข่ และอีกหลายรัฐของประเทศเมียนมา โดยเฉพาะรัฐยะไข่ มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัฐโควิด -19 แล้วกว่า 700 คน นายสุวพงษ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีมติปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอนทุกช่องทางเป็นเวลา 15 วัน นับจากวันที่มีประกาศอย่างเป็นทางการ คาดจะมีผลตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2563 เป็นต้นไป โดยจะห้ามคน ยานพาหนะ สินค้าทุกชนิด เข้าออกโดยเด็ดขาด รวมทั้งศูนย์อพยพทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนอีกด้วย ส่วนผู้ป่วยที่อยู่ภายในศูนย์พักพิงหรือศูนย์อพยพสามารถเข้ามาตรวจรักษาในโรงพยาบาลในตัวเมืองหรือโรงพยาบาลอำเภอได้ตามปกติ แต่ถ้าพบมีเชื้อไวรัสก็ให้อยู่ภายในศูนย์อพยพ ยกเว้นหากมีผู้ป่วยรุนแรงก็สามารถเข้ามารักษาในตัวเมืองได้ ทุกช่องทางเข้าออกจะมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด
สังขละบุรีเฝ้าระวังเมียนมาข้ามแดนใช้บริการรพ.สต.
นายศุภกร สุขประสิทธิ์ สาธารณสุขอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ยังสั่งให้เจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)บ้านพระเจดีย์สามองค์ เพิ่มมาตรการในการป้องกันและเฝ้าระวังผู้ป่วยชาวเมียนมาที่ข้ามแดนมารับบริการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพราะที่ผ่านมาสาธารณสุขอำเภอสังขละบุรี ได้รับแจ้งข้อมูลข่าวสารจากทางการเมียนมา ว่าพบผู้ป่วยผู้ต้องสงสัย ในพื้นที่เมืองมะละแหม่ง (เมาะลำเลิง) ที่อยู่ห่างจากชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ ออกไปเพียงแค่ประมาณ 270 กิโลเมตร
ในระยะนี้เห็นควรจะต้องห้ามนำสิ่งของหรือสินค้าต่างๆเข้ามาในประเทศโดยเด็ดขาดก็จะเป็นการดี เพราะหากยังปล่อยให้นำเข้ามาเราก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งของเหล่านั้นติดเชื้อมาด้วยหรือไม่ หากพลาดขึ้นมาอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในบ้านเราได้
สำหรับพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์มีช่องทางธรรมชาติ ที่ชาวบ้านใช้เดินทางข้ามแดน ซึ่งเป็นไปตามวิถีชีวิตคนชายขอบ ตั้งแต่บริเวณบ้านบ่อญี่ปุ่น ถึง บ้านพระเจดีย์สามองค์ ซึ่งมีมากกว่า 20 ช่องทาง ทำให้ยากต่อการเฝ้าระวังและป้องกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยที่ผ่านมาแม้จะเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ยังพบเห็นการเดินทางข้ามแดน โดยผ่านช่องทางธรรมชาติเหล่านี้อยู่ ขณะเดียวกันยังพบว่าชาวเมียนมาที่อาศัยอยู่ฝั่งอำเภอพญาตองซู และมีร้านจำหน่ายสินค้าอยู่ฝั่งไทย เมื่อถึงเวลาปิดหรือเปิดร้าน ก็จะข้ามฝั่งด้วยการเปิดประตูหลังร้านเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่มีความสุ่มเสี่ยงมากพอสมควร เพื่อความไม่ประมาทหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องหาทางแก้ไข
นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่กลับมา ศก.ไทยปีหน้าหนักแน่
เศรษฐกิจไทยในปีหน้า นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การขยายตัวเศรษฐกิจปี 2564 มีความเสี่ยงมากกว่าปี 2563 หากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยไม่ได้ เศรษฐกิจไทยจะไม่ฟื้นตัว
ดังนั้น การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า แต่ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะหากเกิดการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย รอบ 2 จากการเปิดรับนักท่องเที่ยว ก็อาจทำให้ประเทศกลับมาลำบากอีกครั้ง โดยปี 2564 ธปท. คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 16 ล้านคน ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดไว้ที่ 12 ล้านคน ซึ่งถือว่าต่ำมาก สะท้อนว่าปีหน้าความเสี่ยงสำคัญจะสูงกว่าปีนี้ หากนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาไม่ได้
โดยสิ่งที่อยากฝากไว้ คือ รัฐบาลและประชาชนต้องปรับตัวอยู่กับตัวเลขการระบาดของโควิด-19 ที่ไม่ใช่ 0 ราย ต้องให้กิจกรรมเศรษฐกิจเป็นไปตามปกติ หากมีการระบาดอีกครั้ง และหากให้หยุดกิจกรรมหายไปเลยเหมือนก่อนหน้านี้ จะกระทบเศรษฐกิจไทยหนัก
ในเดือน ก.ย. นี้ ธปท. จะประมาณการเศรษฐกิจใหม่จากเดิมที่คาดไว้ติดลบร้อยละ 8.3 ซึ่งจะต้องประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ต่ำกว่าที่คาดไว้เดิม รวมถึงความเป็นไปได้ของการระบาดโควิด-19 รอบสอง จะมีมากน้อยขนาดไหน
นอกจากนี้ยังน่าเป็นห่วงโควิด-19 ยังส่งผลกระทบกับการจ้างงาน และรายได้ลดลง ทำให้แรงงานรายได้ต่ำกว่าปกติ เป็นอีกกลุ่มที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กลุ่มที่ตกงานไปแล้ว เพราะแรงงานดังกล่าวส่วนใหญ่อยู่ได้ด้วยโอที แต่ตอนนี้โอทีน้อยลง จะส่งผลให้อยู่ลำบาก
นายกฯ พร้อมฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย ไม่หนักใจนัดชุมนุม 19 ก.ย.
การนัดชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ยังไม่เห็นว่าจะมีแนวโน้มรุนแรงอย่างไร ถ้ายังรักษากฎกติกาไว้ กฎหมายมีทุกตัวเราต้องใช้กฎหมายอย่างระมัดระวัง หลายคนคงไม่อยากให้ความรุนแรงเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นต้องไปดูว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความสงบเรียบร้อยและอยู่ในกรอบ
ส่วนเป้าหมายการชุมนุมคือ ต้องการยกระดับ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องดูว่าควรหรือไม่ คนไทยมีตั้ง 67 ล้านคนต้องไปดูว่ามีความเห็นอย่างไร และคนเหล่านี้เป็นใครบ้าง ซึ่งหลายคนก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง จะว่าด้วยวัตถุพยานหรือภาพถ่ายก็ว่ากันไป และต้องสอบสวนกันต่อไป แต่ทั้งนี้ไม่ได้ขู่ใคร เพียงแต่พูดว่ารัฐบาลรับฟังทุกภาคส่วนด้วยการเปิดเวทีนักศึกษาทั่วประเทศหลายสถาบันว่าจะทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไปอย่างไร กับอีกฝ่ายที่ต้องการให้ประเทศหยุดอยู่กับที่ ซึ่งรัฐบาลต้องทำทุกอย่างให้สมดุล
ส่วนภาพที่มีการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้ที่ไปให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สน.สำราญราษฎร์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องถามว่าเขาทำถูกหรือไม่ อย่าทำให้บ้านเมืองเสียหาย อยากให้รับฟังความคิดเห็นคนอื่นด้วย โดยเฉพาะอีกข้าง และดูจุดที่สมดุลที่สุด ที่สำคัญปัญหาโซเชียลมีเดีย ในส่วนของเฟซบุ๊กยังพอชี้แจงกันได้ แต่ทวิตเตอร์ไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร ขออย่าไปเชื่อทวิตเตอร์ หากหวังดีจริงๆเขาก็ต้องเปิดเผยตัวเอง ในขณะที่เฟซบุ๊ก หากผิดกฎหมายก็สามารถดำเนินการได้ และขณะนี้เทคโนโลยีทันสมัย เมื่อปิดตรงนี้ก็ไปเปิด ตรงโน้นในขณะที่การบังคับใช้กฎหมายต้องรอคำสั่งศาล การดำเนินการจึงไม่ทันเวลา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะหวั่นไหวอะไร เพราะคิดตั้งแต่ก้าวเข้ามาแล้วว่า ต้องเจอ อะไรบ้าง และทำเพื่อใคร จะเพื่อตัวเองก็ไม่ใช่ แต่ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ไปยืนยันว่า ไม่เคย ได้อะไรจากการเป็นนายกรัฐมนตรี ขอให้เชื่อมั่น
สภามธ. เตือนให้ระมัดระวังใช้ชื่อ ธรรมศาสตร์ แสดงความเห็น หลังสอบเหตุชุมนุม10 ส.ค.
สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.)ได้มอบหมายให้อธิการบดี มธ. แต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวนและรวบรวมข้อเท็จจริงการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2563 โดยล่าสุดคณะกรรมการฯ ได้พิจารณา พยานหลักฐานเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีสาระสำคัญ 2 ประเด็น ประกอบด้วย
1. การขออนุญาตชุมนุมพบว่า มหาวิทยาลัยเป็นผู้อนุญาตให้กลุ่มนักศึกษาจัดกิจกรรม การชุมนุมตามเงื่อนไขที่หารือและตกลงร่วมกัน 3 ฝ่ายคือฝ่ายมหาวิทยาลัย ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่และ ฝ่ายนักศึกษาผู้ขอจัดการชุมนุมจะอยู่บนซึ่ง 3 ข้อเรียกร้องคือ ยุบสภา ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และหยุดคุกคาม ประชาชน ส่วนประเด็นข้อเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์พบว่า มหาวิทยาลัยและเจ้าหน้าที่ ตำรวจในพื้นที่ไม่ทราบล่วงหน้าแต่อย่างใด
2.การระงับการชุมนุมเมื่อได้เกิดเหตุการณ์สุ่มเสี่ยงว่าการกระทำดังกล่าวอยู่เหนือความคาดหมายพบ และการป้องกันของมหาวิทยาลัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่โดย เลือกใช้วิธีนุ่มนวลตามแนวทางการปฏิบัติกับผู้เข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมคือการรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐาน เพื่อใช้ในการพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ที่ละเมิดกฎหมายต่อไปในอนาคตเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่ง ระหว่างกัน
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังมีข้อห่วงใยเพิ่มเติมอีก2ประเด็นได้แก่
1.มหาวิทยาลัยในฐานะ สถาบันการศึกษาควรกำหนดแนวปฏิบัติภายในอย่างรอบคอบและรัดกุม เพื่อให้นักศึกษาสามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองตามสิทธิพลเมืองที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
2.การแสดงออกต่างๆ ถือเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล ทุกฝ่ายจึงพึงระมัดระวังการใช้คำว่า“ธรรมศาสตร์” หรือคำใดๆ ที่ทำให้สังคมเข้าใจว่าเป็นตัวแทนหรือเป็นเจตจำนงร่วมกันของประชาคมธรรมศาสตร์ทั้งหมด เพื่อหลีกเลี่ยงการนำไปสู่ประเด็นโต้แย้งและความเสียหายในวงกว้างต่อไป
หุ้นไทยปิดตลาดลดลง กว่า 12 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,310.66 จุด ลดลง 12.65 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,005.03 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่หนุน แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติก็ยังมีอยู่ รวมถึงปัจจัยการเมือง
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวก จากการคาดการณ์ที่นโยบายเศรษฐกิจในญี่ปุ่นจะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องได้ กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อคืนหุ้นในกลุ่มต่างๆที่ร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่นายชินโซ อาบะ นายกรัฐมนตรี ประกาศลาออก ดัชนีนิกเกอิปิดที่ 23,139.76 จุด เพิ่มขึ้น 257.11 จุด
ส่วนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อทำกำไร หลังจากที่ฮั่งเส็งปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงเช้า ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 25,177.05 จุด ลดลง 245.01 จุด
โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นได้รับแรงหนุน ชิงตำแหน่งนายกฯคนใหม่
นายโยชิฮิเดะ สึกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น หรือโฆษกรัฐบาล ได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกกลุ่มใหญ่ของพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ซึ่งนำโดยนายทาโร อาโสะ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเพื่อสรรหาผู้ที่จะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากนายชินโซ อาเบะ สำหรับนายสึกะจะประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งประธานพรรคแอลดีพี หลังพรรคจะมีมติอย่างเป็นทางการในวันอังคารนี้ ส่วนกำหนดจัดการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคจะมีขึ้นในวันที่ 14 ก.ย. หลังจากนั้นในวันที่ 17 ก.ย.จะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี
ด้านนายทาโร อาโสะ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า จะไม่สมัครชิงตำแหน่งผู้นำประเทศอีก แต่พร้อมจะสนับสนุนใครก็ตาม ที่สมาชิกพรรค 54 คนในกลุ่มของเขาเห็นว่าเป็นผู้ที่ดำเนินนโยบายได้ตรงกับแนวคิดของเขามากที่สุด
ก่อนหน้านี้ สมาชิกสภานิติบัญญัติกลุ่มหนึ่ง ซึ่งรวมถึงอดีตรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ได้พบปะกับนายโยชิฮิเดะ สึกะ และได้ขอให้เขาลงชิงตำแหน่ง ขณะที่มีรายงานว่านายฟูมิโอะ คิชิดะ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ และนายชิเกรุ อิชิบะ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ก็ได้แสดงความจำนงที่จะลงชิงตำแหน่งประธานพรรคแอลดีพีคนใหม่ด้วยเช่นกัน