การประชุมทดสอบความสนใจ (Market Sounding) ครั้งสุดท้าย ของภาคเอกชนหรือกลุ่มนักลงทุนและผู้ประกอบการในขั้นตอนการศึกษารายละเอียดความเหมาะสม การออกแบบ และจัดเตรียมเอกสารประกวดราคาโครงการระบบขนส่งมวลชน จ.นครราชสีมา สายสีเขียว (ตลาดเซฟวัน-สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์) มูลค่าโครงการรวม 7,115.48 ล้านบาท รวมระยะทางประมาณ 11.15 กม. มีสถานีรับ-ส่งผู้โดยสาร 21 สถานี
วันนี้มีบริษัทเอกชนเข้าร่วมงานกันเป็นจำนวนมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยภาพรวมเห็นพ้องว่าระบบการออกแบบให้เป็นระบบรถรางไฟฟ้า (Tram) อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ด้านการแก้ไขปัญหาการจราจร เนื่องจาก ยังเป็นระบบเดียวกับพื้นถนน อาจจะเป็นปัญหาตรงจุดตัดถนนแต่บางส่วนมองว่าระบบ Tram อาจจะทำให้ประชาชนเคารพกฎจราจรเพิ่มมากขึ้นและจะส่งผลให้สภาพการจราจรในพื้นที่ดีขึ้นและจะรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมดในวันนี้เพื่อเสนอการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อพิจารณาปรับปรุง
ขณะที่ นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รองผู้ว่าฯ รฟม.(กลยุทธ์และแผน) ในฐานะประธานการรับฟังในวันนี้ เปิดเผยว่า จากการรับฟังและทดสอบความสนใจ มีภาคเอกชนรวมทั้งเอกชนท้องถิ่นต่างให้ความสนใจ และต้องการจูงใจให้เอกชนมีส่วนร่วมในโครงการนี้ด้วย คือ ภาครัฐ จะช่วยสนับสนุนในเรื่องต่างๆ เช่น หากเอกชนเสนอแผนพัฒนา หรือข้อเสนอที่มีประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐ ก็อาจจะชนะการประมูลได้ ทั้งนี้ โครงการนี้ให้รับเหมารายเดียวทั้งระบบ ตั้งแต่การก่อสร้างไปจนถึงบริหารการเดินรถ หรือการดำเนินการเป็นไปในรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ในรูปแบบ Net Cost คือเอกชนได้รับสิทธิ์ในการจัดเก็บรายได้และจัดสรรผลตอบแทนบางส่วนให้แก่ภาครัฐตามข้อตกลง ซึ่งภาครัฐอาจจะต้องมีส่วนร่วม
นอกจากนี้ คาดว่า จะเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณากลางปี 2564 หากผ่านการอนุมัติแล้วจะตั้งคณะกรรมการคัดเลือกผู้ร่วมลงทุนทันที พร้อมเปิดประมูลอย่างเป็นทางและวันนั้นจะได้ทราบจำนวนผู้เสนอร่วมลงทุนว่ามีทั้งหมดกี่ราย จากนั้นจะเซ็นสัญญากับผู้รับสัมปทาน ซึ่งหากเป็นไปตามกรอบจะเริ่มก่อสร้างประมาณเดือนสิงหาคม 2565 ตามกรอบการก่อสร้างรวม 3 ปี และจะเปิดบริการได้ปลายปี 2568
นายธีรพันธ์ มั่นใจว่า โครงการนี้มีมูลค่าผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ(EIR) แน่นอน หรือคิดเป็นร้อยละ 13 ซึ่งสูงกว่า EIR ที่ภาครัฐกำหนดไว้ และด้วยการออกแบบให้เป็นระบบรถรางไฟฟ้า (Tram) ลักษณะเป็นระบบรถไฟฟ้าวิ่งไปตามทางวิ่งหรือรางบนถนน (ระดับดิน) มั่นใจในศักยภาพการรองรับปริมาณผู้โดยสาร ความปลอดภัย คาดว่าจะรองรับผู้โดยสารประมาณ 9,900 คนต่อเที่ยวและจะสามารถลดปัญหาการจราจรให้พื้นที่ได้แน่นอน
ส่วนอัตราค่าโดยสารเหมาะสมกับพื้นที่ต่างจังหวัด โดยราคาเริ่มต้น 10 บาท บวก 1 บาทต่อกิโลเมตร กำหนดไว้ไม่เกิน 20 บาท ส่วนใหญ่ค่าโดยสารที่เก็บได้ไม่เพียงพอต่อรายได้ที่ได้รับ ซึ่งจะต้องมีการลงทุนของภาคธุรกิจเพิ่มเติม เช่น เรื่องป้ายโฆษณา