รัฐบาลเยอรมนี ประณามกลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามจะบุกรุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาของเยอรมนี หรือ ไรชส์ทาค ในระหว่างการชุมนุมต่อต้านมาตรการป้องกันโควิด-19 นายฮอร์สต์ ซีโฮเฟอร์ รัฐมนตรีกิจการภายในของเยอรมนี ระบุว่า ไรช์ทาคคือศูนย์กลางเชิงสัญลักษณ์ของประชาธิปไตยของเยอรมนี การที่ผู้ประท้วงพยายามบุกรุกจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
นอกจากนี้ผู้ประท้วงบางคนยังถือธงไรช์ของเยอรมันหรือธงจักรวรรดิ ซึ่งใช้มาจนถึงปี 2452 (ค.ศ.1919) ซึ่งนายไฮโก มาส รัฐมนตรีการต่างประเทศเยอรมนี ทวีตข้อความว่า การได้เห็นธงของจักรวรรดิหน้ารัฐสภาเป็นเรื่องน่าอับอาย
ตำรวจเปิดเผยว่า มีผู้เข้าร่วมการประท้วงประมาณ 38,000 คนในกรุงเบอร์ลินเมื่อวันเสาร์ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าที่คาดไว้ 2 เท่า โดยในช่วงสายมีผู้ประท้วงหลายร้อยคนได้ฝ่าเครื่องกีดขวางและแถวของตำรวจเพื่อพยายามบุกรุกเข้าไปที่ไรชส์ทาค ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้สเปรย์พริกไทยและจับกุมผู้ประท้วงหลายคน
นายซีโฮเฟอร์ กล่าวว่า ผู้ประท้วงส่วนใหญ่เข้าร่วมการเดินขบวนประท้วงและแสดงความเห็นในลักษณะที่เป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม แต่เสรีภาพในการชุมนุมถึงขีดจำกัดเมื่อกฎเกณฑ์สาธารณะถูกเหยียบย่ำ
การประท้วงในวันเสาร์มีผู้ที่ถูกจับกุมประมาณ 300 คน ซึ่งเดิมตำรวจไม่อนุญาตให้จัดการชุมนุมประท้วงเพราะกังวลว่าจะทำให้สถานการณ์ของโรคโควิด-19 เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น แต่กลับทำให้ผู้จัดการประท้วงและผู้สนับสนุนยิ่งไม่พอใจ ยืนยันว่าจะฝ่าฝืนคำสั่งเข้าร่วมการประท้วงตามกำหนดเดิม โดยผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์บางคนเรียกร้องให้ใช้ความรุนแรง
จนถึงเมื่อวันศุกร์ (28 ส.ค.) ศาลปกครองของเบอร์ลินตัดสินให้จัดการชุมนุมประท้วงได้ เพราะไม่มีข้อบ่งชี้ว่าผู้จัดงานจะเพิกเฉย หรือมีเจตนาที่จะไม่ปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข และเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน แต่ปรากฏว่าผู้เข้าร่วมการประท้วงซึ่งมีจุดยืนคัดค้านมาตรการป้องกันโควิด-19 ต่างไม่ได้สวมหน้ากาก และไม่ได้รักษาระยะห่างทางสังคม
....