มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ทยอยเปิดการศึกษาท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 และมาตรการต่าง ๆ ในการป้องกันโรคระบาดใหญ่ ซึ่งสื่อในสหรัฐฯ รายงานว่า ณ วันพุธที่ 26 สิงหาคม มีผู้ติดเชื้อที่อยู่ในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศประมาณ 6,600 คน ศ.จอห์น ซี. บราฟแมน ประธานมหาวิทยาลัยบัคเนลล์ ในรัฐเพนซิลเวเนีย ส่งอีเมลถึงชุมชนมหาวิทยาลัย โดยระบุว่าโควิด-19 เป็นความท้าทายที่เกิดขึ้นจริงและในปัจจุบัน การทดสอบเชิงลบในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ไม่สามารถรับรองได้ว่าจะไม่ติดเชื้อในอนาคต เพื่อให้มีภาคการศึกษาที่ปลอดภัยที่สุด มหาวิทยาลัยได้จัดทำและบังคับใช้กฎระเบียบที่นักศึกษาต้องปฏิบัติตามในมหาวิทยาลัย เช่นการสวมหน้ากาก การรักษาระยะห่างในสังคม การรักษาสุขอนามัย มีการล้างมือบ่อย ๆ และหากมีอาการป่วยต้องรายงานอาการโดยทันที และแยกกักตัวหากจำเป็น
ส่วนที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ในชาร์ลอตส์วิลล์ เปิดเผยข้อมูลการทดสอบโควิด-19 ชุดแรกเมื่อวันพุธ (26 ส.ค.) พบผู้ที่มีผลการตรวจเป็นบวก 58 คน ซึ่งเป็นนักศึกษา 31 คน โดยนักศึกษาที่พักในหอพักของมหาวิทยาลัยให้แยกไปพักในห้องแยกกักตัวที่จัดเตรียมไว้ ส่วนคนอื่น ๆ ให้แยกกักตัวในที่พักของตนเอง นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังมีการตรวจสอบน้ำเสียจากอาคารบางแห่ง และพื้นที่ซึ่งเป็นสถานที่รวมกลุ่ม รวมถึงการขอความร่วมมือจากชุมชน ในการรายงานเหตุละเมิดมาตรการป้องกันโควิด-19ด้วย
มหาวิทยาลัยเจมส์เมดิสัน ในแฮร์ริสันเบิร์ก เปิดเผยผลการตรวจโควิด-19 เมื่อวันอังคาร (25 ส.ค.) พบว่ามี 125 คนที่ผลการตรวจเป็นบวก ซึ่งส่วนใหญ่คือนักศึกษา ทางมหาวิทยาลัยจึงแจ้งให้นักศึกษาแยกตัวที่บ้าน แต่หากไม่สามารถกลับไปแยกกักตัวที่บ้าน ก็สามารถพักในสถานที่ซึ่งมหาวิทยาลัยจัดเตรียมไว้ให้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ศูนย์สุขภาพของมหาวิทยาลัย ติดตามอาการป่วยของนักศึกษาทุกวัน จัดเตรียมอาหาร และตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาสามารถเข้าถึงการเรียนการสอนได้
มหาวิทยาลัยบลูมส์เบิร์ก ในเพนซิลเวเนีย รายงานว่ามีผู้ติดเชื้อ 90 คน โดยมีเพียง 1 คนเท่านั้นที่ไม่ได้เป็นนักศึกษา และเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลาเพียง 2 วันเท่านั้น
มหาวิทยาลัยเซ็นทรัลมิชิแกน ที่เมาท์เพลแซนท์ พบผู้ติดเชื้อ ในมหาวิทยาลัยจำนวน 110 ราย
วิทยาลัยเบลมอนท์ อับเบย์ ในรัฐนอร์ทแคลิฟอร์เนีย รายงานว่ามีผู้ติดเชื้อ 38 ราย
....