ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2563

28 สิงหาคม 2563, 09:30น.



กมธ.งบประมาณ เรียก อนุ กมธ. ครุภัณฑ์ฯ ชี้แจงงบฯเรือดำน้ำ 31 ส.ค.



          นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 เปิดเผยว่า กมธ.งบประมาณฯ ได้ข้อสรุปในการเรียกคณะอนุกมธ.ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ที่มีนายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน รายงานผลการพิจารณา รวมถึงงบประมาณในการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ วงเงิน 2.25 หมื่นล้านบาท ตามที่กองทัพเรือเสนอในวันที่ 31 ส.ค.ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป  



          กมธ.งบประมาณฯ ยังไม่มีการเชิญกองทัพเรือมาร่วมพิจารณาด้วย แต่จะเป็นการซักถามถึงผลการพิจารณาในชั้น อนุ กมธ.อย่างละเอียดก่อน หากคำชี้แจงของคณะอนุ กมธ.ไม่ครบถ้วนรอบด้าน ถึงจะมีการเชิญกองทัพเรือเข้ามาชี้แจงอีกครั้งในวันที่ 1 ก.ย. มั่นใจว่า การพิจารณางบประมาณฯ ปี 2564 จะเสร็จทันภายในระยะเวลา 105 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดแน่นอน



นายกฯ ย้ำไม่อยากให้เรื่องเรือดำน้ำ เป็นประเด็นขัดแย้ง

          การเลื่อนพิจารณาของกมธ.งบประมาณฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า รอดูการประชุมของคณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ ในวันนี้ก่อน และติดตามการประชุมของกมธ.งบประมาณ ในวันที่ 31 ส.ค. ยืนยันว่า ไม่ได้ไปสั่งให้เลื่อนการพิจารณางบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวไม่ได้เพราะเป็นรมว.กลาโหม



          นายกฯ ชี้แจงว่า ในฐานะรมว.กลาโหม ได้เตรียมแก้ไขปัญหาไว้แล้ว ขอให้เดินทีละขั้นตอนและไม่เคยบอกว่าต้องซื้อ แต่ไปพาดหัวข่าวกันว่าต้องซื้อ ไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่พูดถึงเหตุผลความจำเป็น แหล่งที่มาของงบประมาณ ถ้าซื้อไม่ได้ต้องไปเจรจากับจีนอย่างไร เตรียมแผนไว้อย่างนี้ เรื่องนี้เป็นการอนุมัติมาล่วงหน้าแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนที่ 2 และ 3 การต่อเรือไม่ได้ใช้เวลาสั้นๆ ต้องเตรียมวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหมดต้องรับผิดชอบด้วยกันอยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ และเป็น รมว.กลาโหม ขอความเข้าใจ ไม่อยากให้เป็นประเด็นที่ขัดแย้งกันอีก 



28 ส.ค. ดีเดย์ เลือก ผบ.ตร.คนใหม่



          ช่วงบ่ายนี้ นายกฯในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ประชุม ก.ต.ช. พิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) คนใหม่ นายกฯ กล่าวถึง การแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ว่าหลักเกณฑ์การแต่งตั้งก็เป็นหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ปฏิบัติมาพิจารณาว่าในระดับรอง ผบ.ตร.ทุกคนที่เข้าเกณฑ์ที่สามารถจะตั้งได้ ต้องไปพิจารณาให้ความเห็นชอบร่วมกัน ดูถึงความเหมาะสมและสถานการณ์ด้วยรวมถึงผลงานการปฏิบัติงานในช่วงที่ผ่านมาด้วย



          มีรายงานว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. อาวุโสระดับ 5 จะได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งที่ประชุม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา จะเสนอชื่อรอง ผบ.ตร. 1 คน ให้ที่ประชุมเห็นชอบ หากถูกปัดตก ต้องเสนอชื่ออีกครั้ง ซึ่งกฎหมายตำรวจไม่ห้ามให้เสนอชื่อรอง ผบ.ตร.คนเดิม หรือจะเสนอคนใหม่ก็ได้



          หลังการประชุมก.ต.ช. นายกฯ ยังประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 7/2563 ต่อเนื่องทันที วาระสำคัญ คือ แต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.ถึง ผบก.วาระประจำปี 2563 โดยระดับ รอง ผบ.ตร.ว่าง 3 ตำแหน่ง ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่าง 6 ตำแหน่ง ระดับผู้บัญชาการว่าง 13 ตำแหน่ง ระดับรองผู้บัญชาการว่าง 43 ตำแหน่ง และ ผบก.ว่าง 77 ตำแหน่ง ในการแต่งตั้งนายพลวาระประจำปีนี้ จะมีตำแหน่งว่างทั้งสิ้น 142 ตำแหน่ง และอาจมีการโยกย้ายในระนาบเดียวกันด้วย



ภรรยาบิลลี่ กระเหรี่ยงแก่งกระจาน ร้องขอความเป็นธรรมจากอัยการสูงสุด ขอให้ฟ้อง"ชัยวัฒน์"กับพวก 




          คดีการเสียชีวิตของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและแกนนำชุมชนกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ก่อนพบชิ้นส่วนศพในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเมื่อปี 2562  กรณีนี้ พนักงานอัยการ มีคำสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ช่วงปี 2551-2557 กับพวกรวม 4 คน ประกอบด้วย นายบุญแทน บุษราคัม นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว ขณะที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ทำความเห็นแย้งไปแล้ว



          น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยานายพอละจี ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ในการพิจารณาสำนวนคดีฆาตกรรมนายพอละจี โดยมีนายวรวุฒิ วัฒนอุตถานนท์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ เป็นตัวแทนผู้รับมอบหนังสือ โดยกล่าวว่า สำนวนคดีอยู่ในการพิจารณาของสำนักชี้ขาดคดี สำนักงานอัยการสูงสุด โดยจะมีการพิจารณาคำร้องดังกล่าวว่าสมควรมีการสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ จากนั้นจะมีการทำความเห็นส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาเป็นขั้นตอนสุดท้าย ส่วนกรณีสั่งไม่ฟ้อง แต่หากมีพยานหลักฐานใหม่ก็ยกขึ้นพิจารณาได้ เช่นเดียวกับกรณีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ที่ใช้อำนาจตาม ป.วิอาญา มาตรา 147 หยิบยกคดีขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง



          ด้านน.ส.วราภรณ์ อุทัยรังษี หนึ่งในทีมทนายความ ระบุว่า ตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรมได้ขอให้อัยการสูงสุด พิจารณาประเด็นที่กลุ่มผู้ต้องหา ควบคุมตัวนายพอละจี ก่อนหายตัวไปจนพบศพว่าเป็นการควบคุมตัวโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ขอให้อัยการสูงสุด สั่งให้พนักงานสอบสวน สอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นที่ผู้ต้องหามีความพยายามเบี่ยงประเด็นว่าพบนายพอละจี ตามสถานที่ต่างๆและปล่อยข่าวว่ากระดูกที่พบเกิดจากการลอยอังคาร ซึ่งไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น ถือว่าเป็นการแสดงเจตนาไม่บริสุทธิ์ รวมทั้งยังปรากฏการคุกคามพยานกลุ่มชาติพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้ามีหลักฐานชัดเจนจะยื่นขอให้ศาลถอนคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา



CR:The Standard



 

ข่าวทั้งหมด

X