*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา07.30น.*

25 ธันวาคม 2557, 07:45น.


+++สภาพอากาศในหลายจังหวัดในภาคใต้ ยังต้องเฝ้าระวังและติดตาม ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จ.สงขลา ประกาศเตือนภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างมีฝนเกือบทั่วไปและมีฝนหนักมากบางพื้นที่ โดยเฉพาะใน จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทั้งใน จ.สงขลา พัทลุง ปัตตานี นราธิวาส และยะลา ระมัดระวังอันตราย จนถึงวันนี้ คลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง ทะเลมี คลื่นสูง 2-4 เมตร ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เจ้าหน้าที่ยังคงประกาศเตือนห้ามนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเล่นน้ำบริเวณชายหาดชลาทัศน์ แหลมสมิหลา จ.สงขลา



+++เที่ยงพรุ่งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ก่อนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยัง อ.ตากใบ เพื่อเยี่ยมประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ รวมถึงติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชน จากนั้นจะเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปยังสนามบินบ้านทอนเพื่อเดินทางต่อไปยัง ท่าอากาศยานจังหวัดภูเก็ต ก่อนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังฐานทัพเรือพังงา เพื่อร่วมพิธีรำลึกเหตุการณ์ สึนามิที่บ้านน้ำเค็ม อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา



+++มาที่ความเคลื่อนไหวทางการเมือง เช้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะรัฐมนตรี แถลงผลงานรัฐบาลรอบ 3 เดือน ที่ตึกสันติไมตรี  ทำเนียบรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ประชาชนต้องเป็นผู้ตอบว่ามีผลงานอะไรที่น่าพอใจ   พล.อ.ประยุทธ์จะแถลงนำในภาพรวม จากนั้นจึงมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีในแต่ละด้านเช่นด้านความมั่นคง เน้นเรื่องการสร้างความปรองดอง แก้ไขปัญหาความขัดแย้ง หรือการแถลงงานด้านสังคม จะเน้นหนักในเรื่องของการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ รวมไปถึงเรื่องการศึกษา สาธารณสุข



+++ส่วนเรื่องที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า  สหรัฐฯ ติงไทยว่าเป็นสิ่งที่ไม่ฉลาด และไร้เหตุผลที่จะจัดการเลือกตั้งในช่วงปี 2559  นายดอน  ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข่าวนี้ว่าสหรัฐฯมีการให้สัมภาษณ์ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเช่นนั้นจริงหรือไม่ อย่างไรก็ดี ในหลักการแล้วเห็นว่าใครก็ตามที่พูดคำว่าไม่ฉลาด ก็เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเช่นกัน



+++ติดตามผลการหารือร่วมกันระหว่างคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุด(อสส.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในโครงการรับจำนำข้าว การประชุมครั้งที่แล้ว อสส.มองว่าสำนวนยังไม่สมบูรณ์ เพราะในสำนวนมีการพูดถึงเรื่องทุจริต จึงต้องการให้ ป.ป.ช.สอบพยานในส่วนของการระบายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เพิ่มเติม แต่ป.ป.ช.ก็ยืนยันว่าโดยหลักของสำนวนแล้วไม่ได้ฟ้องเรื่องทุจริต แต่เป็นเรื่องการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเรื่องจีทูจี ก็มีอีกสำนวนหนึ่ง ซึ่งป.ป.ช.กำลังดำเนินการ  นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. ระบุว่า หากที่ประชุมของคณะทำงานร่วมไม่สามารถตกลงกันได้ เลขาธิการ ป.ป.ช.ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานร่วมฝ่าย ป.ป.ช.ก็อาจจะนำผลการหารือรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ทันภายในวันนี้ ส่วนการดำเนินการต่อไปต้องรอ อสส.ส่งหนังสือให้ ป.ป.ช.ว่าคณะทำงานร่วมไม่สามารถหาข้อสรุปได้ และให้ ป.ป.ช.ฟ้องเอง พร้อมทั้งส่งสำนวนคืน ป.ป.ช. หลังจากนั้นกรรมการ ป.ป.ช.จะพิจารณาว่าเห็นด้วยหรือไม่ว่าจะฟ้องเอง จากนั้นต้องตั้งคนฟ้อง โดยมี 2 แนวทาง คือ ให้สำนักคดี ป.ป.ช.ร่างฟ้องเอง หรือให้สภาทนายความฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป เมื่อถามว่าหาก ป.ป.ช.ดำเนินการฟ้องเองจะใช้เวลานานหรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า ไม่นาน อาจจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะเรื่องนี้ต้องทำให้เร็ว



+++การไต่สวนคดีถอดถอน 268 ส.ส. กรณีมีส่วนร่วมในการแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของ ส.ว. นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการสรุปสำนวนเสนอเข้ามาในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว สรุปคดีแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม ส.ส.ที่แก้ข้อกล่าวหาจบหมดแล้ว ก็จะแบ่งว่า ส.ส.รายนี้ ลงชื่อหรือไม่ลงชื่อ ยกมือเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ และกลุ่ม ส.ส.ที่กระทำความผิดทางอาญา เช่น เสียบบัตรแทนกัน เป็นต้น ดังนั้น คิดว่าในส่วน ส.ส.ที่แก้ข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว และสามารถจัดกลุ่มได้แล้ว ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.คงจะได้วินิจฉัยเป็นกลุ่มๆ ถึงเรื่องความผิด



+++การประชุมคณะกรรมธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ข้อสรุปถึงที่มาของส.ส.แล้ว พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช  โฆษกคณะกมธ. เปิดเผยว่า ที่ประชุม มีมติสอดคล้องกันให้ ส.ส. มาจากระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม  ทั้งแบบแบ่งเขต จำนวน 250 คน และแบบระบบสัดส่วน 200 คน รวม 450 คน ซึ่งแนวคิดนี้ กมธ.เห็นว่ามีข้อดี คือจะเป็นการสะท้อนทุกคะแนนเสียงของประชาชน และทำให้พรรคการเมืองขนาดเล็กเข้ามาเป็นตัวแทนในสภาฯ มากขึ้น  นอกจากนี้ ให้นายกฯ มีอำนาจในการคัดเลือกคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะที่ผู้สมัครส.ส.ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง เพื่อความเป็นอิสระในการทำงานในสภาฯ แต่สามารถสมัครเป็นกลุ่มได้ ซึ่งจะต้องมีการออกแบบวิธีการลงทะเบียนกลุ่มอีกครั้ง ส่วนนายกฯ ต้องมาจากส.ส.หรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป รวมถึงที่มาของส.ว. ที่จะมีการพิจารณาในวันนี้



+++นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.)  กล่าวว่า กกต.ได้ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งต่อคณะกมธ.การเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ว่า ถ้าไม่ให้อำนาจ กกต.สั่งเลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) หรือสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) ก่อนประกาศผลเลือกตั้ง กกต.ก็เหมือนยักษ์ไม่มีกระบอง เป็นกรรมการไม่สามารถไล่ผู้เล่นเกเรออกจากสนามได้ รวมทั้งได้เสนอความคิดเห็นว่าควรขยายเวลาการสืบสวนสอบสวนก่อนการประกาศผลจากเดิม 30 วัน เป็น 60 วันด้วย เพื่อให้กระบวนการสืบสวนมีประสิทธิภาพ          



+++การเดินทางเยือนกัมพูชาของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยผู้นำเหล่าทัพ ในวันนี้จะเดินทางกลับ เป็นการเดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือจีบีซี  พล.อ.ประวิตร และพล.อ.เตีย บันห์ รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ได้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการรักษาสันติภาพและยุติการลักลอบค้ามนุษย์ ยาเสพติด และการลักลอบตัดไม้ข้ามแนวชายแดนทางบกและทางทะเล โดยทั้งสองฝ่ายยังเห็นชอบที่จะส่งเสริมคุณภาพชีวิต ผู้คนทั้งสองประเทศ และย้ำถึงพันธกรณีปราบการก่อการร้าย พล.อ.ประวิตร ขอบคุณกัมพูชาที่เข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทยและให้กำลังใจไทยในการแก้ปัญหา อาจมีปัญหาบ้างบางส่วน ก็ต้องปรับความเข้าใจกัน เพราะเราเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันพล.อ.ประวิตร ขอให้กัมพูชาร่วมพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษที่นายกฯ ประกาศไว้ ในพื้นที่ จ.ตราด และ จ.สระแก้ว ที่มีพื้นที่ติดกับ จ.เกาะกง และ จ.บันเตียเมียนเจยของกัมพูชา เพื่อเตรียมรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พัฒนาเศรษฐกิจการค้าชายแดนและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งได้รับการตอบรับความร่วมมือด้วย



+++การขยายผลคดีที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ตรวจสอบพบว่าเงินกองกลางของ สจล.ถูกยักยอกหายไปจากบัญชีธนาคารต่างๆ รวมกว่า 1,663 ล้านบาท ภายหลังมีการแจ้งความกับกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ให้ดำเนินคดีกับนายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซีศรีนครินทร์ และ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี ผู้อำนวยการส่วนการคลัง เจ้าหน้าที่คัดค้านการประกันตัว ขออำนาจศาลฝากขังแล้ว ต้องสอบพยานบุคคลอีก 30 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา



+++พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้เตรียมออกหมายเรียกบุคคล 5 คนที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินที่สูญหายไป มีหน้าที่รับเงิน และรู้จักกับผู้ต้องหา หนึ่งในนั้นคือนายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีปลายทางของเงิน 80 ล้านบาท และมีชื่อด้านหลังแคชเชียร์เช็คที่นำไปขึ้นเงิน นอกจากนี้จะส่งเอกสารให้หน่วยพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบลายเซ็นว่าถูกปลอมแปลงหรือไม่ จากนี้จะเรียกผู้บริหารของสถาบันทั้งเก่าและใหม่มาสอบถามข้อเท็จจริงด้วย



+++มีรายงานว่า ชุดสืบสวนรู้ตัวแน่นอนแล้วว่านอกจากนายพูลศักดิ์แล้วยังมีอีก 2 คน ประกอบด้วย นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการณ์ อายุ 31 ปี จากการตรวจสอบพบว่ามีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารรวม 3 บัญชี เป็นเงินประมาณ 1.6 ล้านบาท และนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด มีบัญชีอยู่ในธนาคาร 6 บัญชี เป็นเงินประมาณ 1.2 ล้านบาท ขณะที่นายพูลศักดิ์มีบัญชีธนาคารรวม 3 บัญชี เป็นเงินรวมประมาณ 1.6 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คนมาสอบปากคำ ต่อไป อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นตรวจสอบพบว่านายกิตติศักดิ์เดินทางออกจากประเทศไทยไปฮ่องกงเมื่อคืนวันที่ 23 ธันวาคม



 



 

ข่าวทั้งหมด

X