จลาจลที่เมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซิน! ประท้วงตำรวจรัวยิงชายผิวดำ 7 นัด
เหตุการณ์วุ่นวายที่เมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซิน สหรัฐฯ บานปลาย แม้ว่าจะมีการประกาศเคอร์ฟิว ผู้ชุมนุมไม่สนใจออกมาก่อเหตุวุ่นวายหลายจุด เพราะไม่พอใจเหตุตำรวจผิวขาว ยิงนายจาค็อบ เบล็ค ชายผิวดำวัย 29 ปี ถึงเจ็ดนัด ผู้ชุมนุมจุดไฟเผาห้างร้านและสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมถึงรถอย่างน้อย 2 คันของบริษัทตัวแทนจำหน่าย ตำรวจปราบจลาจล ต้องยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง และระเบิดควันเพื่อสลายกลุ่มผู้ชุมนุม
พ่อของนายเบล็ค เปิดเผยว่า ลูกชายเข้ารับการผ่าตัดแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวที่มีผู้อัดคลิปไว้และนำออกเผยแพร่ เป็นกรณีล่าสุดที่ทำให้ความสนใจของสังคมพุ่งเป้าไปที่การปฏิบัติของตำรวจต่อชาวแอฟริกัน-อเมริกันอีกครั้ง และจุดชนวนความโกรธแค้นในเมืองเคโนชา ในคลิปจะเห็นว่านายเบล็ค เดินไปที่รถเอสยูวีสีเทา โดยมีตำรวจสองนายเดินตามโดยเล็งปืนที่ด้านหลังจากนั้นได้ยินเสียงปืนดัง 7 นัด ขณะที่นายเบล็คไม่มีอาวุธกำลังเปิดประตูรถ และตำรวจคนหนึ่งกระชากเสื้อเขา ไม่มีใครรู้ว่า ตำรวจเห็นสิ่งผิดปกติในรถหรือไม่จึงรัวยิงนายเบล็ค แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาลูกชายเล็กๆ สามคนของเขา
นักเคลื่อนไหวกลุ่มแบล็ก ไลฟ์ แมตเทอร์ เรียกร้องให้ปลดหรือจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีการยิงนายเบล็คทันที ซึ่งขณะนี้ตำรวจกลุ่มนี้ถูกพักงานชั่วคราว
นายโทนี เอเวอร์ส ผู้ว่าการรัฐวิสคอนซิล เรียกทหารกองกำลังพิทักษ์ชาติไปช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยในเมืองเคโนชา พร้อมประณามการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของตำรวจในคดียิงนายเบล็ค รวมทั้งเรียกร้องให้มีการประชุมสภานัดพิเศษในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเรื่องการปฏิรูปตำรวจ
ด้านนายจอห์น แอนทาราเมียน นายกเทศมนตรีเมืองเคโนชา เผชิญกลุ่มผู้ประท้วงหลายสิบคนที่ไม่พอใจ แม้เขารับปากว่าจะดำเนินการตามกฎหมายกับทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ตาม
นายกฯ เยอรมัน ยื่นคำขาดให้รัสเซีย สอบด่วน หลังพบสารพิษในตัวผู้นำฝ่ายค้าน
การวินิจฉัยอาการของนายอเล็กซี นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซีย วัย 44 ปี ว่าจะถูกวางยาพิษหรือไม่ เป็นเหตุการณ์ที่ทีมงานของนายนาวัลนี ระบุว่า ได้นั่งดื่มชาก่อนขึ้นเครื่องบินโดยสารจากไซบีเรียกลับมาที่กรุงมอสโก รัสเซีย และต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลในไซบีเรียและเคลื่อนย้ายมารักษาที่เยอรมนีด้วยอาการโคม่า คณะแพทย์ในเยอรมนี สรุปว่า นายนาวัลนี ถูกวางยาพิษ นายกรัฐมนตรีเยอรมัน อังเกลา แมร์เคิล ยื่นคำขาดให้รัสเซีย ทำการสอบสวนการวางยาพิษผู้นำฝ่ายค้านรัสเซีย พร้อมเรียกร้องให้ลงโทษคนที่อยู่เบื้องหลัง
ด้านโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่า คณะแพทย์ในรัสเซียวินิจฉัยอาการของนายนาวัลนี ด้วยวิธีเดียวกันกับคณะแพทย์ในเยอรมนี แต่ได้ข้อสรุปต่างกันจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดคณะแพทย์ในเยอรมนีจึงรีบร้อนเช่นนั้น ทั้งที่ยังไม่พบสารที่คณะแพทย์เยอรมนี อ้างว่า ผลการทดสอบทางคลินิกพบว่าเป็นการวางยาพิษด้วยสารในกลุ่มต้านการทำลายของสารสื่อประสาทชนิดโคลีน (cholinesterase inhibitor) ที่ใช้ในสารทำลายประสาท รวมทั้งยาและยาฆ่าแมลงบางชนิด
การสันนิษฐานว่านายนาวัลนี ถูกวางยาพิษเพราะการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ โฆษกรัสเซียตอบว่า ยังไม่สามารถคิดเรื่องใดได้เพราะยังไม่แน่ชัดว่าเป็นการวางยาพิษหรือไม่ คณะแพทย์ที่เมืองออมสค์ แคว้นไซบีเรีย พบเอ็นไซม์โคลีนเอสเตอเรสในปริมาณต่ำ จึงรักษาเขาด้วยยาต้านพิษอะโทรปีน แบบเดียวกับคณะแพทย์ในเยอรมนี แต่ผลตรวจไม่พบสารตามที่คณะแพทย์เยอรมนีกล่าวอ้าง ตราบใดที่ยังไม่พบสารที่ทำให้นายนาวัลนี หมดสติบนเครื่องบินก็ไม่มีเหตุผลที่ทางการจะเปิดการสอบสวนทางอาญาว่ามีการวางยาพิษ
ระเบิดสองลูกซ้อน! ฟิลิปปินส์ อาจต้องใช้กฎอัยการศึกในจังหวัดซูลู ทางตอนใต้อีกครั้ง
หลังจากเกิดเหตุระเบิดสองครั้งบนเกาะโฮโล ในจังหวัดซูลู ทางตอนใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย บาดเจ็บ 78 คน พล.ท.คีรีลิโต โซบีจานา ผบ.ทบ.ฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า อาจต้องใช้กฎอัยการศึกควบคุมสถานการณ์ในจังหวัดซูลูอีกครั้ง เพื่อติดตามเครือข่ายกลุ่มอาบูเซยาฟ
กองทัพฟิลิปปินส์ แถลงว่า เหตุระเบิดลูกแรกทำให้ทหาร 6 นาย และพลเรือน 6 รายเสียชีวิต หลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมงมีหญิงคนหนึ่งมาปลดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายใกล้กับจุดแรก ทำให้ตำรวจ 1 นายและทหาร 1 นาย เสียชีวิต สันนิษฐานว่าระเบิดลูกแรกน่าจะเป็นระเบิดฆ่าตัวตายเช่นกัน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดอ้างตัวว่าเป็นคนทำ
เมื่อปลายปีก่อน ฟิลิปปินส์ยกเลิกกฎอัยการศึกที่ใช้กับเขตปกครองตนเองมินดาเนาที่ครอบคลุมเกาะซูลู หลังจากใช้มานานถึง 2 ปี 6 เดือน เพื่อต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธที่ยึดเมืองมาราวี นาน 5 เดือนตั้งแต่เดือนพ.ค.-ต.ค.2560
ติดโควิด-19 ซ้ำ! ผู้ป่วยในเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม
บรรษัทแพร่ภาพและกระจายเสียงแห่งชาติเนเธอร์แลนด์หรือเอ็นโอเอส รายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ในเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม เอ็นโอเอส รายงานอ้างคำพูดของนักไวรัสวิทยาเกี่ยวกับรายละเอียดของผู้ป่วยทั้งสองคนว่า
-ผู้ป่วยชาวเนเธอร์แลนด์ กลับมาติดโรคโควิด-19 อีกครั้งเป็นผู้สูงอายุและมีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ
-ผู้ป่วยชาวเบลเยียม มีอาการไม่รุนแรง
ก่อนหน้านี้ คณะนักวิจัยของฮ่องกง เปิดเผยว่า ชายชาวฮ่องกง วัย 33 ปี กลับมาติดโรคโควิด-19 อีกครั้งหลังจากหายป่วยเป็นเวลา 4 เดือนครึ่ง นักไวรัสวิทยา ระบุว่า ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ได้รับเชื้อไวรัสโคโรนามาเป็นเวลานาน อาจมีอาการรุนแรงขึ้น แต่การกลับมาติดโรคโควิด-19 อีกครั้งดังเช่นผู้ป่วยชาวเนเธอร์แลนด์ เบลเยียม และฮ่องกง ต้องได้รับการตรวจความผิดปกติสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนาในการติดเชื้อครั้งแรกและครั้งที่ 2 เพื่อดูว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่
ผู้ป่วยที่กลับมาติดเชื้ออีกครั้ง แสดงให้เห็นว่า แอนติบอดี้ที่ร่างกายสร้างขึ้นในช่วงที่ติดเชื้อครั้งแรกอาจไม่เพียงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อในครั้งที่ 2 เนื่องจาก เชื้อไวรัสมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า ผู้ป่วยที่กลับมาติดโรคโควิด-19 อีกครั้งเป็นกรณีเฉพาะหรือไม่ และผู้ที่เคยได้รับเชื้อจะมีโอกาสกลับมาติดเชื้ออีกครั้งหลังจากหายดีแล้ว 6-7 เดือนหรือไม่
หุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสาน คลายความกังวลข้อพิพาทการค้าสหรัฐฯ-จีน
การเจรจาเพื่อเดินหน้าตามข้อตกลงเฟสหนึ่ง ระหว่างสหรัฐฯกับจีน เป็นไปด้วยดีทำให้หุ้นสหรัฐฯปิดเพิ่มขึ้น แต่มีปัจจัยที่กระทบการลงทุนคือเรื่องของหุ้นของแอปเปิล อิงค์ ปิดลบร้อยละ 0.8
-ดาวโจนส์ ลดลง 60.02 จุด หรือร้อยละ 0.21 ปิดที่ 28,248.44 จุด
-เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 12.34 จุด หรือร้อยละ 0.36 ปิดที่ 3,443.62 จุด
-แนสแดค เพิ่มขึ้น 86.75 จุด หรือร้อยละ 0.76 ปิดที่ 11,466.47 จุด
นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน และตัวแทนในการเจรจาการค้าและเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ โทรศัพท์หารือกับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (The United States Trade Representative - USTR) และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงการค้าระยะแรกหรือเฟสหนึ่ง
เมื่อวันที่ 15 ม.ค.จีนและสหรัฐฯ ได้ลงนามข้อตกลงการค้าเฟสหนึ่งโดยมีผลบังคับใช้14 ก.พ. และเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ทั้งสองฝ่าย มีกำหนดหารือทบทวนข้อตกลงดังกล่าว ขณะที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ สั่งเลื่อนการเจรจาโดยอ้างว่ายังไม่อยากคุยกับจีนในเวลานี้
การพูดคุยของคณะทำงานสองฝ่ายหารือกันในหลายประเด็น เช่น การเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาค และการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าและเศรษฐกิจเฟสหนึ่งระหว่างจีนและสหรัฐฯ และตกลงจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อสร้างความมั่นใจให้ข้อตกลงการค้าเฟสหนึ่งประสบความสำเร็จ
กระทรวงพาณิชย์จีน แถลงว่า การเจรจาครั้งนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ สองฝ่ายเห็นพ้องจะเดินหน้าผลักดันการปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเฟสหนึ่ง นอกจากนี้ ผู้แทนทั้งสองฝ่ายยังหารือเกี่ยวกับการดำเนินการของฝ่ายจีนในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ลดปัญหาอุปสรรคด้านบริการทางการเงินที่มีต่อบริษัทอเมริกัน ยกเลิกการบังคับถ่ายทอดเทคโนโลยี