นพ.แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ เตือนนักวิจัยสหรัฐฯไม่ให้ลัดขั้นตอนการวิจัยวัคซีนรักษาโรคโควิด-19 โดยเฉพาะการใช้อำนาจตามมาตรการฉุกเฉินเพื่อเร่งรัดให้มีการผลิตวัคซีน ทั้งๆที่ยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคหรือไม่ เพราะการทำเช่นนั้น จะส่งผลเสียต่อการพัฒนาวัคซีนอื่นๆในอนาคต ยากที่จะระดมอาสาสมัครเข้ารับการทดลองวัคซีน เมื่อไม่แน่ใจว่ามีความปลอดภัยหรือไม่
ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ มีแผนจะใช้อำนาจตามมาตรการฉุกเฉิน อนุญาตให้ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด และแอสตราเซเนกา บริษัทผลิตยาชั้นนำของอังกฤษให้ทำผลิตวัคซีน ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ เพื่อเพิ่มโอกาส ที่เขาจะกลับมาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ขณะที่พรรคเดโมแครต กล่าวหานายทรัมป์ว่า หวังผลทางการเมือง แต่ทำให้ชีวิตของชาวอเมริกันตกอยู่ในอันตราย
ทั้งนี้ วัคซีนของมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด เป็นหนึ่งในวัคซีนหลายสิบตัวที่อยู่ระหว่างการวิจัยทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับบริษัทยาชั้นนำอื่นๆ เช่น บริษัทโมเดอร์นาและบริษัทไฟเซอร์ของสหรัฐฯได้ทดลองวัคซีนกับคนในเฟส 3 ใช้อาสาสมัครเข้าร่วมทดลองแห่งละ 30,000 คนในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว เพื่อดูประสิทธิภาพของวัคซีนในการรักษาโรคโควิด-19 คาดว่า จะทราบผลการทดลองประมาณต้นเดือนกันยายน
Cr: BBC, Sky News