ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันอังคารที่ 25 สิงหาคม 2563

25 สิงหาคม 2563, 09:30น.



เคสแรกของโลก!นักวิจัยฮ่องกง พบผู้ป่วยโควิด-19 ซ้ำ WHO เตือนอย่าเพิ่งสรุป



นักวิจัยมหาวิทยาลัยฮ่องกง พบชายวัย 33 ปี ป่วยโรคโควิด-19 สองครั้งในปีนี้



-26 มี.ค.พบการติดเชื้อรอบแรก ผู้ป่วยมีไข้ เจ็บคอ ไอและปวดศีรษะ นาน 3 วัน ใช้เวลารักษาตัว 14 วัน



-15 ส.ค.พบการติดเชื้อรอบสองเกิดขึ้นหลังจากผู้ป่วยซึ่งเป็นพนักงานไอที เดินทางกลับจากสเปนผ่านทางอังกฤษ ผลตรวจเชื้อที่ด่านคัดกรองสนามบินฮ่องกงให้ค่าเป็นบวกเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลอีกครั้ง แต่รอบนี้ไม่มีอาการ



          การศึกษาเรื่องนี้ นักวิจัยมหาวิทยาลัยฮ่องกงและโรงพยาบาลหลายแห่งในฮ่องกง วิเคราะห์ตัวอย่างที่เก็บจากคนไข้ 10 วัน หลังมีอาการจากติดเชื้อรอบแรกกับตัวอย่างที่เก็บจากคนไข้ 1 วันหลังเข้าโรงพยาบาลจากติดเชื้อรอบสอง ผลวิเคราะห์ทางพันธุกรรม พบว่า การติดเชื้อรอบแรกเป็นเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ SARS-CoV-2 ใกล้เคียงกับสายพันธุ์จากสหรัฐฯหรืออังกฤษ ส่วนการติดเชื้อครั้งที่สองเป็นสายพันธุ์จากสวิตเซอร์แลนด์และอังกฤษ



         ผลศึกษาที่จะได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Clinical Infectious Diseases ระบุว่า กรณีของหนุ่มฮ่องกงรายนี้สะท้อนว่า



1.การติดเชื้อซ้ำอาจเกิดขึ้นได้แม้เพิ่งหายป่วยจากติดเชื้อครั้งแรกไม่กี่เดือน เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 อาจคงอยู่ในคนเหมือนกับไวรัสโคโรนาที่ทำให้เกิดโรคหวัดธรรมดา แม้ว่าคนป่วยสร้างภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อตามธรรมชาติหรือผ่านวัคซีนก็ตาม



2.คนที่เคยติดเชื้อไวรัสใหม่นี้แล้ว ยังควรได้รับวัคซีน เมื่อถึงเวลาที่มีวัคซีนใช้ ทั้งยังควรปฏิบัติตนตามมาตรการคุมระบาดพื้นฐาน เช่น ใส่หน้ากากอนามัยและรักษาระยะห่าง

          ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าควรศึกษาเพิ่มเติม ดร.มาเรีย ฟาน เคิร์กโฮฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของโครงการฉุกเฉินด้านสุขภาพ องค์การอนามัยโลก(WHO) กล่าวว่า ยังไม่ควรสรุปจากผู้ป่วยคนเดียว เนื่องจากปัจจุบัน ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 24 ล้านคน จำเป็นต้องศึกษาประเด็นนี้กับผู้ป่วยจำนวนมากและในช่วงเวลาหนึ่ง และจากประสบการณ์กับไวรัสโคโรนาอื่นๆในคน หรือเมอร์ส และซาร์ส ก็เป็นที่รู้ว่าร่างกายจะมีแอนติบอดี้ระยะหนึ่งก่อนหายไป



หุ้นสหรัฐฯ ทำสถิติปิดเพิ่มขึ้น จากข่าวใช้พลาสมารักษาผู้ป่วยโควิด-19 





          หลังจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) มีคำสั่งอนุมัติฉุกเฉินอนุญาตให้คณะแพทย์นำพลาสมาของผู้ป่วยที่หายแล้วมาทำการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 นักวิเคราะห์ มองว่า เป็นข่าวดีเกี่ยวกับแนวทางการรักษา ช่วยกลบความกังวลเกี่ยวกับกรณีคนไข้โควิด-19 กลับมาติดเชื้ออีกรอบ และส่งผลดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯด้วย แนสแดคและเอสแอนด์พี 500 ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางข่าวคราวที่มีความหวังเกี่ยวกับการรักษาโรคโควิด-19



-ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 378.13 จุด หรือร้อยละ 1.35 ปิดที่ 28,308.46 จุด



-เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 34.12 จุด หรือร้อยละ 0.32 ปิดที่ 3,431.28 จุด



-แนสแดค เพิ่มขึ้น 67.92 จุด หรือร้อยละ 1.06 ปิดที่ 11,379.72 จุด

          ความเคลื่อนไหวของตลาดทุนและการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ฉุดราคาทองคำ ผิดตลาดเมื่อวันจันทร์แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนก.ค.



-ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 7.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,939.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์



         หลังจากเมื่อช่วงปลายเดือนพ.ค.ตลาดน้ำมัน เริ่มคืนสู่สมดุล หลายประเทศเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวของโอเปกและผู้ผลิตหลักอื่นๆที่ลดกำลังผลิตครั้งใหญ่ จีนอาศัยความได้เปรียบของราคาน้ำมันที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เสริมคลังสำรองระยะยาว ปัจจัยนี้เองที่ทำให้ราคาน้ำมันปิดตลาดเมื่อวันจันทร์แกว่งตัวในกรอบแคบๆ



-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 28 เซ็นต์ ปิดที่ 42.62 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล




-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 78 เซ็นต์ ปิดที่ 45.13 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล



รมว.อุตสาหกรรม เสนอครม.ลดภาษีซื้อรถใหม่ กระตุ้นกำลังซื้อ



          นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัญจร วันนี้ ที่จ.ระยอง กระทรวงอุตสาหกรรม จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณามาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลักษณะเดียวกับการลดหย่อนภาษีประกันชีวิต ให้กับผู้ซื้อรถยนต์ใหม่หรือมาตรการอื่นๆ ในการสนับสนุนเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มขึ้นและรักษาฐานการผลิตรถยนต์ในไทย  เนื่องจากที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างรุนแรง ส่งผลให้กำลังซื้อลดลงอย่างมาก 


          นอกจากนี้ได้เยี่ยมชมศูนย์การผลิตแหลมฉบัง ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย โดยผู้บริหารของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ มองว่า แม้สถานการณ์ยอดขายปีนี้จะลดลงมากจากโควิด-19 แต่มั่นใจว่า ปี 2564 ตลาดรถยนต์จะกลับมาขยายตัวเหมือนเดิม ดังนั้น จึงได้เร่งลงทุน 7,000 ล้านบาท จากเป้าหมายการลงทุนทั้งหมด 20,000 ล้านบาท ที่เหลือ 13,000 ล้านบาท จะลงทุนปรับปรุงสายการผลิตเดิมและเพิ่มสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า จะเปิดตัวรถมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประเภทปลั๊กอินไฮบริด โดยเป็นการผลิตรถยนต์รุ่นดังกล่าวนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก



นักลงทุน จับตา เฟด ส่งสัญญาณทบทวนนโยบายการเงิน



          ปัจจัยเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ต้องติดตาม ในสัปดาห์นี้ ทิศทางค่าเงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.35-31.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯเทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 31.54 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทอ่อนค่าสวนทางสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 5,600 ล้านบาท และพันธบัตรไทย 3,200 ล้านบาท ตลาดจะให้ความสนใจ Jackson Hole Symposium ซึ่งเป็นการประชุมเชิงวิชาการของธนาคารกลางจากหลายประเทศโดยประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มักใช้เวทีนี้ส่งสัญญาณการปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งสำคัญ ขณะที่ คาดว่าในวันที่ 27 ส.ค. ประธานเฟดอาจกล่าวถึงการพิจารณาทบทวนกรอบนโยบายการเงินของเฟดเพื่อสะท้อนทิศทางนโยบายที่จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำมากเป็นเวลานานกว่าที่ตลาดเคยคาดไว้ เฟด ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อาจจำเป็นต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินลงอีกเพื่อเยียวยาเศรษฐกิจและประเมินว่าการฟื้นตัวของการจ้างงานกำลังชะลอตัวและสถานการณ์ของตลาดแรงงานจะขึ้นอยู่กับการเปิดเมืองอีกครั้งอย่างถาวร นอกจากนี้ ตลาดจับตาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการการคลังชุดใหม่ของสหรัฐฯ รวมถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ขยายวงอีกครั้งในยุโรปและเอเชีย



          สำหรับปัจจัยในประเทศ นักลงทุนจะติดตามข้อมูลส่งออกและนำเข้าเดือนก.ค.รวมถึงสถานการณ์ทางการเมือง ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) สำหรับวันที่ 5 ส.ค.โดยระบุว่าดอกเบี้ยนโยบายที่ต่ำเป็นประวัติการณ์เอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมอาจมีประสิทธิผลจำกัด จึงเห็นควรให้รักษาความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (Policy Space) เพื่อใช้ในจังหวะที่เหมาะสมและให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด 




 

ข่าวทั้งหมด

X