กรณีไทยพบชาวกาตาร์ ที่เข้ามารักษาโรคมะเร็งตับในประเทศ ติดเชื้อโควิด-19 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า การรับคนต่างชาติมารักษาโรคเรื้อรังในไทยนั้นกำหนดว่าต้องตรวจแล็บหาเชื้อใน 72 ชม. หากปลอดเชื้อถึงให้เข้าไทย ซึ่งรายดังกล่าวก็มีการตรวจแล็บใน 72 ชม. ซึ่งไม่เจอเชื้อ แต่เมื่อเข้ามาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก็มีการตรวจสอบซ้ำ ถึงเจอ ขณะนี้ยังไม่มีการแสดงอาการของโรคโควิด-19 ส่วนผู้ติดตามเป็นคนใกล้ชิดในครอบครัว มีการตรวจแล็บแล้วแต่ไม่เจอเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ จะเห็นว่ามีลักษณะคล้ายกับSQที่รับคนไทยกลับมา บางคนตรวจครั้งแรกไม่เจอเชื้อ แต่มาเจอในครั้งหลังๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งระยะฟักตัวของโรค โดยการเจอครั้งนี้เป็นเคสที่ 2 ส่วนรายแรกที่เข้ามารักษาโรคเรื้อรังแล้วตรวจเจอโควิด-19ในภายหลัง คือชาวบังกลาเทศ
อย่างไรก็ตาม จากระบบที่เราทำคือคนไข้เข้ามาก็คืออยู่ในระบบปิด มีรถไปรับตั้งแต่สนามบิน และกักตัวในรพ.ตลอด ดังนั้นแม้จะตรวจเจอเชื้อ แต่ก็ถือว่าอยู่ในการควบคุมดูแล ซึ่งขณะนี้กองระบาดวิทยาจะทำการสอบสวนโรคเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเทศนั้นๆ เพื่อทำให้ระบบมีความปลอดภัยมากที่สุด ยืนยันว่าระบบปัจจุบันสามารถจับเชื้อได้ ผู้ป่วยอยู่ในระบบปิด 100% ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
จากกรณีดังกล่าวสิ่งที่ต้องมีการทบทวน จากเดิมที่เราเปิดให้ประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำเข้ามาได้ แต่จากนี้อาจจะต้องทบทวนประเทศที่จะอนุญาตให้เข้ามารักษาโรคเรื้อรัง พร้อมดูเรื่องมาตรฐานการตรวจแล็บด้วย
สำหรับการเปิดให้คนต่างชาติ เข้ามารับการรักษาโรคประจำตัว ที่ไม่ใช่การเข้ามารักษาโรคโควิด-19 พร้อมผู้ติดตามไม่เกิน 3 คน นั้นจะต้องมีการตรวจแล็บด้วยวิธี RT-PCR ใน 72 ชม.ไม่มีการติดเชื้อ ถึงจะให้เข้ามาในไทย ตั้งแต่เปิดให้เข้ามาเมื่อปลายเดือน ก.ค. มีคนต่างชาติเข้ามาแล้ว 166 คน เป็นผู้ป่วย 90 คน ผู้ติดตาม 76 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน อาเซียน และอาหรับ โดยเข้ามารักษาโรคเรื้อรัง เบาหวาน มะเร็ง กล้ามเนื้อ โรคข้อกระดูก รวมถึงการรักษาโรคมีบุตรยาก เป็นต้น
สำหรับวันนี้ (24 ส.ค.) จะเข้ามาอีก 3 คน ส่วนคนที่ทำเรื่องขอเข้ามาตอนนี้เป็นผู้ป่วย 432 คน ผู้ติดตาม 250 คน รวมเป็น 673 คน สำหรับการเข้ามารักษาที่คลินิกนั้นจะต้องมีการจับคู่กับรพ.เพื่อให้เป็นสถานที่กักตัวในระยะเวลา 14 วันด้วย
ด้าน นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศกาตาร์ มีผู้ป่วยรายใหม่วันละประมาณ 200 คน แต่เป็นอัตราที่ค่อนข้างคงที่ เลยจุดพีคของการระบาดมามากแล้ว ซึ่งรายนี้เข้ามาอยู่ในรพ.ตลอด ถ้ารพ.ปฏิบัติตามมาตรการที่ตกลงกันไว้ ก็ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ ส่วนกรณีคนที่เป็นโรคเรื้อรังแล้วโควิด-19จะทำให้อาการรุนแรงหรือไม่นั้น ขอตอบในลักษณะทั่วๆ ไป คือโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะกลุ่มหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงกรณีผู้ป่วยที่ต้องรับยาเคมีบำบัด ซึ่งจะทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ จึงมีความเสี่ยงที่โควิด-19จะทำให้อาการรุนแรงได้
ส่วนเกณฑ์ในการแบ่งบุคลากรในการดูแลผู้ป่วยคนไทยกับผู้ป่วยต่างชาติที่รับเข้ามา นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ตามมาตรฐาน เช่น ที่สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นโควิด-19 จะมีการแบ่งทีมบุคลากรการแพทย์ ส่วนการจัดแบ่งบุคลากร สลับกันทำงาน ถ้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ป้องกันตนเองเต็มที่ก็ถือว่าปลอดภัย สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลย อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่เซฟตี้ที่คอยตรวจสอบว่าบุคลากรที่ปฏิบัติงานนั้นทำถูกต้องหรือไม่ ถ้าพบว่ามีความเสี่ยงก็จะให้กักตัว ซึ่งคิดว่ารพ.เอกชนก็เป็นมาตรฐานแบบเดียวกัน โดยมีการปฏิบัติกับผู้ป่วยต่างชาติเสมือนว่าเป็นผู้ติดโควิด -19จึงต้องป้องกันตัวเองเต็มที่ คงไม่คุ้มหากปล่อยแล้วเกิดเจ้าหน้าที่ติดเชื้อขึ้นมา