กรณีนายเบรนตัน ทาร์แรนต์ มือปืนชาวออสเตรเลียวัย 29 ปี ก่อเหตุบุกสังหารหมู่ชาวมุสลิมในมัสยิด 2 แห่งที่เมืองไครสต์เชิร์ช เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ปีที่แล้ว มีคนเสียชีวิต 51 ราย นายคาเมรอน แมนเดอร์ ผู้พิพากษาศาลสูงของนิวซีแลนด์ ในฐานะองค์คณะที่พิจารณาคดีนี้ อยู่ระหว่างการอ่านคำพิพากษารวม 4 วัน เริ่มจากวันนี้ ระบุว่า คนร้ายวางแผนจะโจมตีและเผามัสยิดที่สาม คือมัสยิดแอชเบอร์ตัน เพื่อฆ่าคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถูกตำรวจจับกุมได้ก่อน
ที่ผ่านมา คนร้ายให้การสารภาพทุกข้อหา เช่นข้อหาฆ่าคนตายรวม 51 กระทง,พยายามฆ่า 41 กระทงและข้อหาก่อการร้ายอีกหนึ่งกระทง โดยมีอัตราโทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต ทั้งนี้ในวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 15 มีนาคมปีก่อน ในตอนแรก คนร้ายขับรถไปยังมัสยิดอัลนูร์ ก่อนใช้ปืนกราดยิงคนในมัสยิดระหว่างการละหมาดประจำวันศุกร์ โดยคนร้ายได้ถ่ายทอดสดการโจมตีทางเฟซบุ๊ก
จากนั้น คนร้ายขับรถไปยังมัสยิดที่ 2 คือ มัสยิดลินวูด กราดยิงคนที่ร่วมพิธีละหมาด
ด้านนายบาร์นาบี ฮาเวส พนักงานอัยการในฐานะโจทก์ ระบุว่าคนร้ายเตรียมแผนล่วงหน้ามาหลายปี มีการตระเวนดูลาดเลามัสยิดต่างๆที่จะโจมตี ศึกษาทั้งแบบแปลนอาคาร ที่ตั้งและรายละเอียดอื่นๆ เพื่อลงมือก่อเหตุในช่วงที่มีคนมากๆเข้ามาทำพิธีละหมาด คดีนี้สร้างความสะเทือนใจให้กับคนทั่วโลก และทำให้รัฐบาลนิวซีแลนด์ผลักดันจนกระทั่งรัฐสภาลงมติรับรองกฎหมายห้ามประชาชนครอบครองปืนกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งโดยปกติเป็นอาวุธที่ใช้ในกองทัพฯ พร้อมทั้งจัดโครงการรับซื้อปืนเถื่อนจากประชาชน มีผู้นำปืนเถื่อนมาขายให้กับราชการหลายพันกระบอก
Cr: BBC, Yahoo News