ปลัดสธ. ย้ำคุมเข้มกักตัว 14 วัน คนไทยที่กลับจากปท.เสี่ยง มีโอกาสติดเชื้อ
+++นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด
+++นอกจากนี้ ได้พัฒนาแล็บในการตรวจเชื้อ ซึ่งได้ดำเนินการตรวจเชื้อไปแล้วถึง 800,000 ราย เทียบอัตราส่วน 16,000 คนต่อประชากร 1,000,000 คน พบคนติดเชื้อเพียงร้อยละ 0.5 เท่านั้น ถือว่าอยู่ในปริมาณที่น้อยมาก
ศบค.ชุดใหม่ มีมติต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน สิ้นสุด 30 ก.ย.
+++หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ มีรายงานว่า ที่ประชุมได้มีมติขยายเวลาการบังคับใช้ประกาศตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่กำลังจะสิ้นสุดการประกาศวันที่ 31 ส.ค.นี้ โดยจะต่อไปอีก 1 เดือน ไปสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2563 สำหรับการต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 6 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด หลังจากประกาศใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 มี.ค.2563
+++นอกจากนั้น ที่ประชุมยังได้มีมติการผ่อนคลายมาตรการกิจการและกิจกรรมในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามที่ได้ทดลองใช้ช่วงเดือนส.ค.คือ
-การทดลองเปิดเรียน 100%
-การทดลองใช้ระบบขนส่งมวลชนเต็มรูปแบบ
-และมาตรการเปิดให้มีการเข้าชมกีฬา
รัฐวิกตอเรีย เข้าสู่ครึ่งทางของการล็อกดาวน์ ไม่ถูกใจคน แต่คุมโควิด-19 ได้ผล
+++นายดาเนียล แอนดรูว์ส มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย แถลงเกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในรัฐซึ่งมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลีย และเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวในประเทศตั้งแต่เดือนม.ค.ว่าสถิติผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 17,852 คน โดยมีการยืนยันผู้ป่วยรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมง จำนวน 179 คน ยังคงเหลือผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในระบบอย่างน้อย 4,421 คน หายป่วยเพิ่มขึ้น 443 คน
+++รัฐวิกตอเรีย เข้าสู่ครึ่งทางของการควบคุมสถานการณ์ โดยเฉพาะเมืองเมลเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองเอกและเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ถูกล็อกดาวน์ขั้นสูงสุดและประกาศเคอร์ฟิว นายแอนนดรูว์ส ยืนยันว่า มาตรการเข้มงวดทั้งหมดไม่ถูกใจทุกคนแต่ได้ผล และขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือทำให้กราฟหักหัวลงเร็วกว่าที่คาด
+++ด้าน นพ.เบรตต์ ซัตตัน สาธารณสุขรัฐวิกตอเรีย ชื่นชมความร่วมมือของประชาชนเช่นกัน แต่เตือนว่าในช่วงหลังวันที่ 13 ก.ค.จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งสูงเป็นเวลานาน ดังนั้น 1-2 สัปดาห์นี้ เข้าสู่ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ ซึ่งจะช่วยให้ทางการตัดสินใจได้ดีขึ้น ในเรื่องการผ่อนคลายล็อกดาวน์หลังวันที่ 13 ก.ย.
โฆษกรัฐบาล แจง นายกฯ พยายามลดความขัดแย้ง รอ กมธ. สรุปเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
+++สถานการณ์การเมืองไทยในขณะนี้ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรี ตั้งใจทำงาน ลดความขัดแย้ง มั่นใจการพูดคุยร่วมกัน จะทำให้บรรยากาศการเมืองเป็นไปด้วยดี ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็มีการหารือกันในรัฐสภา ตอนนี้มีกรรมาธิการฯ พิจารณา จะต้องทำรายงานนำเสนอที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว ขอให้ทุกฝ่ายรอฟังบทสรุปของกรรมาธิการ เชื่อว่า จะเป็นประโยชน์มากที่สุด เพราะกรรมาธิการก็มาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ซึ่งเป็นผู้แทนของประชาชน ต้องมีการทำความเข้าใจพูดคุยกับทุกฝ่าย รวมทั้ง ส.ส.ฝั่งรัฐบาลด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรี มีความพยายามที่จะลดความขัดแย้งให้มากที่สุด ในส่วนสภาผู้แทนราษฎรก็ควรจะดำเนินการในลักษณะเช่นเดียวกัน เพื่อทำให้บรรยากาศออกมาในลักษณะที่ค่อนข้างจะดี และทุกอย่างเป็นกลไกในการพูดคุย รวมทั้งบรรยากาศในการชุมนุมของนักเรียน นักศึกษาหน้ากระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการก็ออกมาพูดคุยกับนักเรียน คิดว่าบรรยากาศแบบนี้มีการพูดคุยกันจะทำให้สังคมของเราหันหน้าแทนที่จะเผชิญหน้ากัน