ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563

21 สิงหาคม 2563, 09:12น.



"อ.วิชา" ยังไม่ชี้ชัดใครผิด-ถูก คดี"บอส อยู่วิทยา"หลังอดีตผบ.ตร.ปัดไม่เกี่ยวข้อง




          การทยอยเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจในพื้นที่สน.ทองหล่อเมื่อ ปี 2555 มาให้ข้อมูล นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เปิดเผยว่า การทำงานของคณะกรรมการ พิจารณาตามพยานหลักฐาน เมื่อวานนี้มีการทำงานครบ 20 วันแล้วจะส่งรายงานฉบับที่ 2 ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบผลการทำงาน



          นายวิชา กล่าวว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงกรณีที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวอ้างว่า ได้พานายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้เชี่ยวชาญด้านความเร็วรถ มาพบเมื่อวันที่ 26 ก.พ.2559 ว่า เป็นช่วงที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่ไปประชุมที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้มอบเอกสารหลักฐานให้คณะกรรมการด้วย



          ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.สมยศ และ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ให้ข้อมูลไม่ตรงกัน นายวิชา กล่าวว่า เราจะไม่พูดว่าใครผิดใครถูกจะต้องมีการตรวจสอบต่อไป แต่เมื่อเป็นเช่นนี้กระบวนการรับฟังข้อเท็จจริงยังไม่สิ้นสุด คณะกรรมการจะปรึกษาหารือกันเพื่อพิสูจน์ความจริง ยังมีเวลาทำงานตามกรอบเวลาจนถึงสิ้นเดือนนี้  



          วันจันทร์หน้า คณะกรรมการ จะเชิญบุคคลมาชี้แจงเพิ่มเติม คือ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รอง ผบ.สำนักงานส่งกำลังบำรุง ซึ่งในขณะนั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่ในกองงานต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็นผู้ติดต่อกับอินเตอร์โพล เพื่อขอให้มีการออกหมายแดงจับนายวรยุทธ และได้รับทราบว่า หลังจากที่มีการดำเนินการดังกล่าว พล.ต.ต.อภิชาติ ถูกโยกย้ายแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวหลายครั้ง รวมถึงจะเชิญตำรวจที่เชียงใหม่ มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง รวมถึงการชันสูตรพลิกศพและพยานในส่วนของตำรวจอีกหลายปากมาชี้แจงข้อมูลด้วย




เร่งเดินหน้าท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ ปลายปีนี้  



          เรื่องเศรษฐกิจ  นายอนันต์ วงค์เบญจรัตน์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยในงานเสวนา “ก้าวต่อไปเศรษฐกิจไทย-จีน โอกาสหรืออุปสรรคหลังโควิด” ยอมรับว่า ปัญหาโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่สามารถเดินทางมาเที่ยวไทยได้ แต่ละปีมาเที่ยวปีละ 10 ล้านคน ปีนี้มีเพียง 1,200,000 คน เท่านั้น เดินทางมาก่อนโควิด-19 ระบาด สิ่งที่การท่องเที่ยวกำลังพิจารณา คือ จะเน้นแนวทางให้คนไทยท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ โดยกำลังดูสถานที่ทั้งในกรุงเทพฯ จ.เชียงใหม่ จ.ชลบุรี จ.ภูเก็ต ให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ โดยจะดึงคนในพื้นที่มาร่วมโครงการด้วย คาดว่า หากได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องน่าจะนำแนวทางการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์มาใช้ปลายปีนี้ จะเป็นหนทางที่กระตุ้นแหล่งท่องเที่ยวของไทยได้และยังเป็นการทำให้แต่ละพื้นที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวอีกด้วย




          นายหยาง ซิน อุปทูต สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน (ประจำประเทศไทย) ปาฐกถาพิเศษ “การต่อสู้ไวรัสโควิด-19 เพื่อชาวจีนและชาวโลก” ว่าจีนได้คิดค้นและทดลองวัคซีนมีความคืบหน้าไปมากและได้จัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนพร้อมแล้ว จึงคิดว่าอีกไม่นานวัคซีนที่จีนคิดค้นจะประสบผลสำเร็จและนำมาป้องกันให้ชาวจีนและชาวโลกได้อย่างแน่นอน



          เศรษฐกิจของจีนได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ครึ่งปีแรกของปีนี้ อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจีนขยายตัวร้อยละ 5.6 เชื่อว่า ทั้งปียังเติบโตได้ดีแม้ว่าจะไม่มากขึ้นก็ตาม ในส่วนการค้ากับไทยยังเติบโตได้ดีเห็นได้จากสินค้าทางการเกษตร เช่น ทุเรียน จีนนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้มากถึงร้อยละ 73 และคิดว่ามากที่สุดของการส่งออกทุเรียนไทยไปตลาดต่างประเทศทั่วโลก ขณะที่ จีนมีแผนลงทุนทั่วโลกมากกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีแผนลงทุนไทยมากกว่า 71,000 ล้านบาท 



คลัง ปรับเพิ่มวงเงินกู้กว่า 200,000 ล้าน รองรับรายได้ปีนี้ต่ำกว่าเป้าหมาย 9%



          นางแพตริเซีย มงคลวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) คาดว่า รายได้ปีนี้จะจัดเก็บได้ต่ำกว่าร้อยละ 9 ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือ กว่า 300,000 ล้านบาท เพราะมีการเลื่อนการยื่นแบบชำระภาษีเงินได้ ทำให้กระทรวงการคลัง คาดว่า จะเริ่มมีเงินเข้าในช่วงเดือนก.ย.จึงจำเป็นต้องให้กระทรวงการคลัง ปรับเพิ่มวงเงินกู้ของรัฐบาลในกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ (Revenue Shortfall) ในปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 214,093 ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติ ยืนยันว่าไม่ได้ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะมีปัญหา ล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ 45.83 ของจีดีพี และคาดว่าสิ้นปีงบประมาณ 2563 จะอยู่ที่ร้อยละ 51-52 ของจีดีพี และสิ้นปีงบประมาณ 2564 อยู่ที่ร้อยละ 57-58 ของจีดีพี




          ขณะที่ ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ. หารือแผนพยุงเศรษฐกิจเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัญจร สัปดาห์หน้า หวังพยุงจีดีพีให้ติดลบน้อยกว่าร้อยละ 7.8 พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายเพิ่มจ้างงาน 1,000,000 ตำแหน่ง



ชาวอเมริกัน ว่างงานนับล้าน ฉุดสถานการณ์น้ำมันร่วงลง



          ความเคลื่อนไหวราคาน้ำมัน สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 35 เซนต์ ปิดที่ 42.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนงวดส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 29 เซนต์ ปิดที่ 42.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 47 เซนต์ ปิดที่ 44.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ตลาดน้ำมันทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ หลังจากข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานรายใหม่รายสัปดาห์เพิ่มขึ้นกลับไปอยู่เหนือระดับ 1,000,000 คนอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเรื่องที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินปรับลดประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ลดลงจากเดิม



หุ้นแนสแดค ปิดบวกทุบสถิติใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 100 จุด ตามหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

          ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก แนสแดค ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ ได้แรงหนุนจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ช่วยกลบความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลแง่ลบ แนสแดค เพิ่มขึ้น 118.49 จุด หรือร้อยละ 1.06  ปิดที่ 11,264.95 จุด ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 46.85 จุด หรือร้อยละ 0.17 ปิดที่ 27,739.73 จุด และ เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 10.66 จุด หรือร้อยละ 0.32 ปิดที่ 3,385.51 จุด ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เช่น แอปเปิล อิงค์, แอมะซอน และ ไมโครซอฟท์ ต่างปิดในแดนบวก ขณะที่นักลงทุนคาดหมายว่าจะรอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ

          ส่วนราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 23.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,946.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี




 

ข่าวทั้งหมด

X