ผลการตรวจหาเชื้อครั้งแรกวันที่ 5 มิถุนายนพบสารพันธุกรรมปริมาณน้อย สรุปว่าเป็นผลกำกวม
ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 13 มิถุนายน ไม่พบเชื้อ จึงเดินทางกลับ จ.ชัยภูมิ และแยกตัว 30 วัน
วันที่ 18 สิงหาคม เข้ามารับการตรวจหาเชื้อเพื่อขอใบรับรองแพทย์เตรียมเดินทางไปต่างประเทศ พบเชื้อปริมาณน้อย เจาะเลือดตรวจพบภูมิคุ้มกันแล้ว สรุปเป็นผู้ติดเชื้อรายเดิมที่เคยพบซากเชื้ออยู่ในสถานที่กักกันจนครบกำหนด ไม่สามารถแพร่เชื้อต่อได้
รายที่สอง เป็นเพศหญิง ชาวไทย อายุ 35 ปี เคยทำงานที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กลับมาประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน เข้ารับการกักตัว 14 วัน ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ มีการตรวจหาเชื้อไวรัสฯ 2 ครั้งแต่ไม่พบเชื้อ เมื่อครบ 14 วัน จึงมีการอนุญาตให้กลับภูมิลำเนาที่จังหวัดเลย
วันที่ 16 สิงหาคมเดินทางเข้า กทม.โดยรถยนต์ส่วนตัว เพื่อเตรียมเดินทางไปทำงานต่างประเทศ
วันที่ 18 สิงหาคม เข้าตรวจสุขภาพและตรวจหาเชื้อไวรัสฯ เพื่อขอหนังสือรับรองแพทย์ ผลตรวจพบสารพันธุกรรม โรงพยาบาลรามาฯรับไว้เป็นคนไข้ในความดูแล
จากข้อมูลทางระบาดวิทยาคาดว่ามีโอกาสที่จะเป็นการติดภายในประเทศน้อยมาก ซึ่งต้องมีการตรวจสอบ เมื่อได้ผลเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ทราบต่อไป ขณะนี้กระทรวงฯได้ให้ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคเบื้องต้น ส่วนผู้ใกล้ชิดกับรายที่สองนี้ ได้ประสานสาธารณสุขในพื้นที่ รวมถึงสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามข้อมูลผู้ใกล้ชิดทั้งในครอบครัวและชุมชน เพื่อสอบสวนเพิ่มเติมตลอดจนการแนะนำให้เฝ้าระวังอาการ และปฏิบัติตัวเพื่อการป้องกันโรค
ทั้งนี้ โรงพยาบาลจะตรวจสอบข้อมูลย้อนไปตั้งแต่สถานที่กักกันของรัฐ รอผลทางระบาดวิทยา จึงยืนยันได้ว่าไม่ใช่การระบาดรอบที่ 2 แต่เป็นการตรวจคนที่มารับการตรวจสุขภาพ ก่อนไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งต้องรอการตรวจสอบข้อมูล โดยกระทรวงฯจะร่วมตรวจสอบให้เร็วที่สุด