ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 12.30 น.วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2563

          สำนักธรณีวิทยาสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวสองครั้งขนาด 6.8 และ 6.9 ในระยะห่างกัน 6 นาทีที่นอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย เมื่อเวลา 05.23 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ ลึกลงไปใต้ดิน 22 กม.และ 26 กม.ตามลำดับ เบื้องต้นไม่มีรายงานการบาดเจ็บหรือความเสียหายรุนแรงต่อทรัพย์สิน มีแรงสั่นสะเทือนที่เมืองเบงกูลูในแถบชายฝั่งตะวันตกของเกาะสุมาตรา ชาวบ้านหนีออกจากอาคารบ้านเรือนมาอยู่ตามท้องถนนด้วยอาการตกใจ

          นายราห์มัต ทริโยโน หัวหน้าศูนย์เตือนภัยสึนามิและเหตุแผ่นดินไหวของอินโดนีเซีย กล่าวว่า เกิดอาฟเตอร์ช็อกหลายครั้ง ยังไม่มีรายงานเรื่องความเสียหาย ขณะที่ศูนย์เตือนภัยสึนามิอินเดีย ระบุว่า ไม่มีความเสี่ยงเรื่องคลื่นสึนามิที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆในฝั่งมหาสมุทรอินเดีย

          อินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในบริเวณวงแหวนแห่งไฟ มักจะเกิดเหตุแผ่นดินไหวเป็นประจำ เมื่อปี 2547 เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 9.1 นอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา เกิดคลื่นสึนามิ ทำให้มีคนเสียชีวิต 220,000 ราย ในภูมิภาคนี้ รวมทั้ง 170,000 รายในอินโดนีเซีย

มอริเชียส ตั้งข้อหากัปตันเรือญี่ปุ่น เดินเรือไม่ปลอดภัยทำให้เรือเกยตื้น  

          ตำรวจมอริเชียส  เปิดเผยว่า จับกุมกัปตันเรือเอ็มวี วากาชิโอะของญี่ปุ่นที่เกยตื้นอยู่นอกชายฝั่ง และทำให้เกิดการรั่วไหลของน้ำมัน จนสร้างความเสียหายให้กับสภาพแวดล้อมทางทะเลที่เป็นธรรมชาติที่สุดแห่งหนึ่งของโลกแล้ว  เจ้าหน้าที่พาณิชย์นาวี เปิดเผยว่า ตำรวจยังได้จับรองกัปตันของเรือลำดังกล่าวไปด้วย โดยทั้งสองคนถูกตั้งข้อหาว่า เป็นภัยต่อการเดินเรือที่ปลอดภัย โดยระบุว่า ก่อนเกิดเหตุหน่วยยามฝั่งมอริเชียสพยายามเข้าเทียบเรืออยู่หลายครั้ง เพื่อเตือนว่าเส้นทางที่เรือญี่ปุ่นใช้อยู่มีอันตรายแต่เรือญี่ปุ่นไม่ตอบรับ

          เรือเอ็มวี วากาชิโอะ เกยตื้นที่แนวปะการังนอกชายฝั่งมอริเชียสเมื่อวันที่ 25 ก.ค.และเริ่มมีน้ำมันรั่วออกมาจากเรือเมื่อวันที่ 6 ส.ค.จนทำให้รัฐบาลมอริเชียส ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อม น้ำมันที่รั่วออกมากระจายไปทั่วแนวปะการังที่ใกล้สูญพันธุ์ ส่งผลกระทบต่อปลาและสิ่งมีชีวิตในทะเลอื่นๆ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บางคน บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นภัยพิบัติทางระบบนิเวศที่เลวร้ายที่สุดของประเทศ ขณะที่ทีมงานฉุกเฉินสามารถถ่ายน้ำมันที่เหลืออยู่บนเรือออกไปได้ ก่อนที่เรือจะแยกเป็นสองส่วน

ห่วงพท.เสี่ยง อาจมีรั่วไหล! ศบค.ชุดเล็ก จะเสนอต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1เดือน

          สถานการณ์โควิด-19 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก (รองผบ.ทบ.) ในฐานะรองประธานกรรมการในคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และรองหัวหน้าสำนักงานประสานงานกลาง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึง สถานการณ์โรคโควิด-19 ในไทยถือว่าดีขึ้นมาก หากเทียบกับตัวเลขผู้ติดเชื้อในแต่ละวัน แต่มีความเป็นห่วงประชาชน เพราะมีการผ่อนคลายเฝ้าระวังไปมาก ตั้งแต่รับทราบกันว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นศูนย์มาหลายวัน  อย่างไรก็ตาม ศบค.ได้พยายามเฝ้าระวังในจุดที่อาจจะมีการรั่วไหล เพราะหากเกิดการระบาดรอบ 2 ก็เป็นที่น่าเสียดาย เนื่องจากเราดูแลอย่างดีมาถึง 90 วันแล้ว อยากขอบคุณประชาชนและทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือ และขอยืนยันว่ามาตรการ State Quarantine ในการกักตัว 14 วันเป็นมาตรการที่เชื่อถือได้ และยืนยันว่าการตรวจพบผู้ติดเชื้อใน State Quarantine อยู่ในกรอบ 14 วัน แต่มีข้อห่วงใยว่าการพบเชื้อครั้งแรกส่วนใหญ่จะพบภายใน 14 วัน แต่หลังจากพบแล้วเชื้อจะอยู่ได้ถึง 30 วัน

          พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ศบค.ชุดเล็ก เตรียมเสนอ ศบค.ชุดใหญ่เพื่อต่ออายุพระราชกำหนดการบริการราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต่ออีก 1 เดือน ยืนยันว่า การมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังสามารถดำเนินการจัดการชุมนุมได้ เนื่องจาก พ.ร.ก.การบริการราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 สามารถบังคับใช้กฎหมายบางตัวที่ พ.ร.บ.ควบคุมโรคไม่สามารถทำได้ สามารถรวบรวมหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องให้มาทำงานร่วมกันในจุดเดียวกันได้ ซึ่งมองว่าการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริการราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ยังคงมีความจำเป็น

          กรณีที่ทหารสหรัฐฯ จะครบกำหนดการกักตัว 14 วันในวันนี้ พล.อ.ณัฐพล ยืนยันว่า ทหารยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องดำรงการฝึกทั้งการฝึกของเราเองและการฝึกร่วมผสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความเป็นทหารจึงต้องขอความเห็นใจจากประชาชน เพราะกองทัพ ต้องมีการฝึก เนื่องจากจะได้รับเทคโนโลยีที่มีความเจริญแล้วจากกองทัพที่มีความทันสมัย เพื่อพัฒนากองทัพของเรา

          นอกจากนี้ยังมีกองร้อยทหารช่างจากเซาท์ซูดานผลัดที่ 1 ที่จะเดินทางกลับประเทศไทย หลังจากไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพจำนวน 237 นาย ในเดือนก.ย.นี้ว่ากองทัพได้แจ้ง ศบค.แล้วอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งทั้งหมดต้องเข้าสู่กระบวนการ State Quarantine เช่นเดียวกับคนอื่น 

ยกระดับคุมโควิด-19! หลังเที่ยงคืนนี้ กรุงโซล เกาหลีใต้ สั่งปิดพื้นที่เสี่ยง

          หลังจากที่ในวันนี้ เกาหลีใต้ พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 297 คน สูงสุดนับแต่ต้นเดือนมี.ค.ส่วนใหญ่ 283 คนเป็นการติดเชื้อโรคโควิด-19 ในท้องถิ่น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ไปโบสถ์ในกรุงโซล และเขตปริมณฑล เช่น จังหวัดคย็องกี ส่วนอีก 14 คนเป็นผู้โดยสารจากต่างประเทศ ประกอบกับ เป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ในกรุงโซลและเขตปริมณฑลอยู่ในระดับตัวเลขสามหลัก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ (KCDC) เปิดเผยว่า เกาหลีใต้ ยกระดับเฝ้าระวังสู่ระดับ 2 จากทั้งหมด 3 ระดับในกรุงโซลและเขตปริมณฑล รวมทั้งเมืองอินชอนทางตะวันตกของกรุงโซล เป็นเวลา 2 สัปดาห์ มีผลตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันนี้ มาตรการยกระดับ ประกอบด้วย

-เน้นมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ห้ามประชาชนรวมกลุ่มในอาคารเกิน 50 คน ห้ามรวมกลุ่มในสถานที่โล่งแจ้งเกิน 100 คน

-อนุญาตให้จัดการแข่งขันกีฬาได้ตามปกติ แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ชมเข้าไปชมในสนามแข่งขัน 

-ปิดให้บริการชั่วคราวสำหรับสถานที่ต่างๆที่เสี่ยงแพร่โรค เช่น ร้านคาราโอเกะ ชมรม ร้านอินเตอร์เน็ตและร้านอาหาร

-ไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าร่วมพิธีทางศาสนา เนื่องจาก โบสถ์หลายแห่งในกรุงโซลและเขตปริมณฑลเป็นจุดแพร่ระบาดอีกแห่งหนึ่งเช่นกัน