*ทันสถานการณ์โลกเวลา06.30น.*

24 ธันวาคม 2557, 06:26น.


+++บริษัทโซนี พิคเจอร์ อนุญาตให้สามารถฉายภาพยนตร์เรื่อง“ดิ อินเทอร์วิว” ตามกำหนดในวันคริสต์มาสวันพฤหัสบดีที่ 25ธ.ค.นี้เช่นเดียวกับโรงภาพยนตร์พลาซ่าเธียเตอร์ ในเมืองแอตแลนต้า ก็จะทำการฉายในวันเดียวกันนี้ ภาพยนตร์เรื่อง“ดิ อินเทอร์วิว”จะฉายในโรงภาพยนตร์ที่คัดเลือกไว้แล้วเท่านั้นแต่จะไม่ฉายในโรงภาพยนตร์ที่มีเครือข่ายทั่วประเทศ ก่อนหน้านี้ เคยยกเลิกการฉายไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากภัยคุกคามข่มขู่จากพวกก่อการร้ายเนื่องจากเป็นภาพยนตร์ที่ล้อเลียนผู้นำเกาหลีเหนือ นายคิม จอง-อึน สำนักงานสืบสวนแห่งรัฐบาลกลางสหรัฐ(เอฟบีไอ)แถลงว่าบริษัทโซนี พิคเจอร์เคยถูกโจมตีจากแฮกเกอร์หรือนักโจมตีข้อมูลในระบบอินเตอร์เน็ตโดยระบุว่ามาจากเกาหลีเหนือ



+++โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ  รู้สึกพอใจมากที่บริษัทโซนีพิคเจอร์ ตัดสินใจอนุญาตให้ฉายภาพยนตร์เรื่อง“ดิ อินเทอร์วิว”ในโรงภาพยนตร์บางโรงที่คัดเลือกไว้แล้วเพราะในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ อยู่ในประเทศเสรีที่มีอิสระและเสรีภาพในการแสดงออกเมื่อโซนีอนุญาตให้ฉายภาพยนตร์ได้ก็เป็นสิทธิของประชาชนที่จะตัดสินใจเอาเองเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าจะดูหรือไม่



+++ระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตของเกาหลีเหนือ เกิดล่มเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ท่ามกลางข่าวลือว่าเกาหลีเหนือตกเป็นเป้าโจมตีทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ  เนื่องจาก เอฟบีไอ กล่าวหาเกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังการเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของโซนี่ พิคเจอร์ส เอนเตอร์เทนเมนต์ และประธานาธิบดีโอบามา ขู่จะตอบโต้อย่างสาสม  อย่างไรก็ดี ทั้งทำเนียบขาวและกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ต่างปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้



+++สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานอ้างนายกรัฐมนตรีอันโตนิโอ ซามาราสของกรีซว่า ขณะนี้กรีซใกล้จะยุบสภามีการจัดการเลือกตั้งใหม่ หลังสมาชิกนิติบัญญัติเลือกประธานาธิบดีรอบ 2 ไม่สำเร็จ เมื่อผู้สมัครที่รัฐบาลเสนอชื่อคือนายสตาฟรอส ดิมาส คณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมของสหภาพยุโรป(อียู) ขาดคะแนนอยู่อีก 32 คะแนน จึงจะผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้คือ 200 คะแนน มีผลให้กรีซต้องจัดให้มีการเลือกตั้งรอบ 3 ซึ่งเป็นรอบสุดท้าย ในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่อียูและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)แสดงความเป็นกังวลว่า หากมีการยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 25 มกราคมปีหน้า พรรคซีริซา พรรคฝ่ายค้านแนวคิดซ้ายจัดจะชนะการเลือกตั้ง และอาจจะยกเลิกการปฏิรูปการคลังของกรีซ  ขณะนี้เศรษฐกิจกรีซเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัว หลังถดถอยมานาน 6 ปี ด้านนายอเล็กซิส ซิปราส ผู้นำพรรคซีริซา กล่าวว่า หากมีการยุบสภาและพรรคของเขาชนะการเลือกตั้ง จะปรับขึ้นค่าจ้าง เพิ่มสวัสดิการ และระงับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ



+++รัฐสภายูเครน ลงมติด้วยคะแนนเสียง303เสียง เกินกว่า77เสียงตามข้อบังคับเพื่อผ่านเป็นกฎหมายให้ยกเลิกสถานะประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดหรือประเทศเป็นกลาง เป็นการปูทางไปสู่การเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต) ในอนาคตซึ่งการลงมติดังกล่าวของรัฐสภายูเครนสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับรัสเซีย ซึ่งมองว่าการเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกกับพันธมิตรด้านการทหารของนาโตจะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของยูเครนเองเมื่อยูเครนเองก็ประกาศไว้ตั้งแต่แรกว่าจะขอรับการคุ้มครองจากนาโตเมื่อเดือนส.ค.เพราะการเข้ามาของรัสเซียในสงครามแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของยูเครน 



+++นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่าเมื่อยูเครนสละสถานะเป็นกลางทางทหารและการเมืองจึงเป็นก้าวที่จะทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคตึงเครียดขึ้นไปอีกสร้างบรรยากาศแห่งการเผชิญหน้า


+++ไปที่ฝรั่งเศส แม้จะยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงของเหตุร้าย3รายได้แก่การใช้มีดไล่แทงและขับรถพุ่งชนคนอีก2คนแต่เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นก็สร้างความหวาดวิตกหลังจากนักรบหัวรุนแรงออกมาเคลื่อนไหวเพื่อแสวงหาการโจมตีแบบลำพังในประเทศฝรั่งเศส ขณะนี้กำลังต่อสู้อยู่กับกลุ่มหัวรุนแรงเคร่งศาสนานายมานูเอล วาลส์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ขอให้ชาวฝรั่งเศสอยู่ในความสงบ และตระหนักถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ และจะเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทำหน้าที่ตรวจลาดตระเวนตามสถานที่ต่างๆทั่วประเทศในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้และนายกรัฐมนตรีวาลส์กล่าวย้ำภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีเร่งด่วนว่าทหาร 200-300คนจะเข้าไปประจำการตามสถานที่สำคัญ


++เหตุรุนแรงเริ่มขึ้นเมื่อวันเสาร์เมื่อชายคนหนึ่งตะโกนและเดินเข้าไปในสถานีตำรวจที่เมืองชูเอเลตูส์ทางตอนกลางของประเทศทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยมีดบาดเจ็บไป 3คนในจำนวนนี้สาหัส 2คนก่อนที่จะถูกยิงเสียชีวิต เหตุการณ์ต่อมาเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์คนขับรถรายหนึ่งขับรถพุ่งเข้าชนคนเดินถนนที่เมืองดิฌงทางตะวันออกของประเทศมีผู้บาดเจ็บ 13คนและเหตุการณ์สุดท้ายเมื่อคืนวันจันทร์ ชายคนหนึ่งขับรถเข้าไปตลาดช่วงเทศกาลคริสต์มาสในเมืองนองต์ ทางตะวันตกของประเทศมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9คนและเสียชีวิต1ศพจากนั้นชายคนขับรถได้ใช้มีดแทงตัวเองหลายครั้งจนบาดเจ็บและถูกจับกุมตัวไว้ได้



+++ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ของสหรัฐฯที่แข็งแกร่งเกินคาดหมาย ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะดาวโจนส์ที่ขยับขึ้นไปเหนือ 18,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 64.73 จุด  ปิดที่ 18,024.17 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 3.63 จุด  ปิดที่ 2,082.17 จุด ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลเช่นกัน แนสแดค ลดลง 16.00 จุด  ปิดที่ 4,765.42 จุด 



 


+++ราคาน้ำมันพุ่งแรง หลังพบเศรษฐกิจสหรัฐฯช่วงไตรมาส 3 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.86 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 61.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 


+++ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่ก็ฉุดให้ทองคำปรับลดเล็กน้อย เนื่องจากทำให้สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อต่างประเทศ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 1.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,178.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 



+++ราคาน้ำมันพุ่งแรง หลังพบเศรษฐกิจสหรัฐฯช่วงไตรมาส 3 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.86 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 61.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 



+++สำนักข่าวเดอะ เพรส ทรัสท์ ของอินเดีย เผยแพร่คลิปวีดีโอเหตุการณ์ชายอินเดีย2คนสาดน้ำกรดใส่หน้าหญิงสาววัย30ปี กลางตลาดราชโจรี การ์เดน ทางตะวันตกของกรุงนิวเดลี  ขณะผู้เคราะห์ร้ายออกจากบ้าน กำลังขับรถจักรยานยนต์เพื่อไปโรงพยาบาลที่เธอทำงานเป็นแพทย์อยู่ในละแวกใกล้เคียงภาพดังกล่าวเป็นภาพวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ขณะเกิดเหตุ พบว่าชายคนร้าย2คนได้ขับรถจักรยานยนต์มาพร้อมกับผ้าคลุมปิดบังใบหน้า ก่อนจะขับรถจักรยานยนต์ประกบรถของเธอ จากนั้นจึงสาดน้ำกรดใส่บริเวณใบหน้า ซึ่งเธอมีผ้าคลุมอยู่ที่หน้าเช่นกัน ทันทีที่ถูกสาดกรดหญิงสาวได้ร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับไม่มีใครช่วยเธอเลย มีเพียงแต่คนที่ปั่นจักรยานและเดินผ่านไปอย่างหน้าตาเฉย การใช้น้ำกรดสาดใบหน้าของหญิงสาว มักเป็นวิธีที่ถูกนำมาใช้ทำร้ายผู้หญิงอินเดียในที่สาธารณะเพื่อแก้แค้นกรณีที่เกี่ยวข้องกับค่าสินสอด ข้อพิพาทเรื่องที่ดิน หรือปฏิเสธผู้ชายที่เป็นฝ่ายมาจีบผู้หญิงก่อน แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ไม่รู้จักหน้าของคนร้าย2คนมาก่อน  ขณะที่ตำรวจกำลังนำภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อมาใช้ระบุตัวคนร้ายต่อไป



+++สถิติเหตุอาชญากรรมผู้หญิงในอินเดียเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่3 แสน9,546คดี เพิ่มมากขึ้นจากปี2555 ที่มี2 แสน 44,270คดี จากข้อมูลสำนักงานสถิติอาชญากรรมแห่งชาติอินเดีย ซึ่งระหว่างปี2553-2555มีคดีสาดน้ำกรดทั้งหมด225คดี โดยเหยื่อส่วนใหญ่ที่รอดมักมีแผลเป็นอยู่บนใบหน้าตลอดชีวิตแม้ศาลสูงอินเดียจะมีคำสั่งเมื่อเดือนก.ค.ให้รัฐต่างๆทั่วอินเดียมีเวลา3เดือนในการออกกฎหมายจำกัดการซื้อขายน้ำกรด แต่ยังพบว่าน้ำกรดยังเป็นสินค้าที่หาซื้อได้ง่ายและมีราคาถูกอยู่เช่นเดิม ขณะที่บทลงโทษของผู้ที่สาดน้ำกรดใส่ผู้อื่น มีความผิดทางอาญาและต้องถูกจำคุกอย่างน้อย10ปี

ข่าวทั้งหมด

X