หลังจากคณะผู้สอบสวนของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย เปิดเผยผลสอบสวนเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่าหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์บกพร่องร้ายแรง อนุญาตให้ผู้โดยสาร 2,650 คน ลงจากเรือสำราญรูบี ปรินเซส โดยไม่มีการตรวจคัดกรองและไม่มีการกักกันเฝ้าระวัง 14 วัน หลังกลับจากท่องเที่ยว 11 วันจากนิวซีแลนด์ และจอดที่ท่าเรือเมืองซิดนีย์เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ถึงแม้ว่าผู้โดยสารหลายคนมีอาการไข้ เป็นเหตุให้ผู้โดยสารจากเรือดังกล่าวติดโรคโควิด-19 รวม 900 คน เสียชีวิต 28 ราย นับเป็นกลุ่มก้อนที่แพร่ระบาดโรคโควิด-19 มากที่สุดอีกจุดหนึ่งของออสเตรเลีย
นางกลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีของรัฐนิวเซาท์เวลส์ แถลงขอโทษประชาชนอย่างเป็นทางการ ระบุว่า ยอมรับความผิดทั้งหมดโดยไม่มีข้อแก้ตัว โดยเฉพาะผู้ป่วย 62 คนบนเกาะแทสเมเนีย ทางตอนใต้ของออสเตรเลียที่ติดโรคโควิด-19 จากผู้โดยสาร ระบุว่า เธอไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกเสียใจอย่างไร ถ้าหากคนในครอบครัวหรือใครบางคนต้องมาติดโรคโควิด-19 จากความบกพร่องของภาครัฐในการควบคุมโรค พร้อมให้คำมั่นว่าจะไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะเช่นนี้อีกในอนาคต
ก่อนหน้านี้ หน่วยงานสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเมินผู้โดยสารจากเรือสำราญว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ อนุญาตให้พวกเขาลงจากเรือ จากนั้นผู้โดยสารส่วนใหญ่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟ รถประจำทาง หรือเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา ขณะที่ผู้โดยสารต่างชาติ 950 คนเดินทางโดยเครื่องบินกลับประเทศโดยไม่มีการกักกันเฝ้าระวัง
Cr: BBC