ครูและนักเรียนมากกว่า 2,000 คนใน 5 รัฐของสหรัฐฯกักตนเอง หลังเปิดเรียน

          โรงเรียนหลายแห่งใน 5 มลรัฐของสหรัฐฯ ที่กลับมาเปิดการเรียนการสอนตามปกติ พบกับการแพร่เชื้อโควิด-19 จากภายในห้องเรียนและสถานศึกษาพบผู้ติดเชื้อแล้ว 230 คน ทำให้ครู, นักเรียน และเจ้าหน้าที่มากกว่า 2,000 คนต้องกักกันตนเอง

          ที่รัฐจอร์เจีย โรงเรียนในเชอโรคี เค้าน์ตีเริ่มเปิดเรียนในห้องเรียนเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม และเมื่อวันอังคาร (11 ส.ค.) พบผู้ป่วยยืนยัน 59 คน ทำให้ครู, นักเรียนและเจ้าหน้าที่จำนวนมากกว่า 1,100 คนต้องกักกันตนเองเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งสมาคมครูยอมรับว่าการเปิดเรียนอีกครั้งไม่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ยังมีรายงานการพบผู้ป่วยหลังการเปิดเรียนที่โรงเรียนในรัฐแอละบามา, มิสซิสซิปปี้, โอกลาโฮมา และอินดีแอนา

          สถาบันกุมารเวชศาสตร์อเมริกันและสมาคมโรงพยาบาลเด็ก (the American Academy of Pediatrics and the Children's Hospital Association) รายงานว่า ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมาสหรัฐฯมีผู้ป่วยที่เป็นเด็กเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 90 ซึ่งนายแพทย์ฌอน โอไรลีย์ รองประธานคณะกรรมการสถาบันกุมารเวชศาสตร์อเมริกัน กล่าวว่า ควรมีการตรวจสอบและดูแลผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 อย่างจริงจัง และเป็นความไม่ยุติธรรมที่จะบอกว่าไวรัสชนิดนี้ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก เพราะในสหรัฐฯ มีเด็กเสียชีวิตจากโควิด-19 แล้ว 90 ราย นอกจากนี้การที่พบผู้ป่วยเด็กเพิ่มมากขึ้นยังมาจากหลายปัจจัยรวมถึงการเดินทางและการติดเชื้อในผู้ใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมาก แพทย์แนะนำให้ผู้ปกครองให้ความสำคัญในการปกป้องดูแลเด็ก ๆ

          ด้านนายแพทย์แอนโทนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและที่ปรึกษาของรัฐบาลสหรัฐฯ แนะนำให้โรงเรียนที่จะกลับมาเปิดเรียนจัดการเรียนการสอนและกิจกรรมต่างๆ นอกห้องเรียนเป็นหลัก โดยชี้ว่าลักษณะของการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นจะอยู่ในสถานที่ปิดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นในบ้านพักคนชรา โรงงานบรรจุเนื้อสัตว์ เรือนจำ งานแต่งงาน และงานสังคม โดยรัฐที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากควรจัดการเรียนการสอนทางไกลไปจนกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลง

...