ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563

14 สิงหาคม 2563, 07:52น.



นายกฯ เป็นประธานศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจฯ ทำงานเหมือนศูนย์ ศบค.



          ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบการจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อทำงานในลักษณะเดียวกันกับศูนย์ ศบค. พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจฯ ขึ้น 1 ชุด มีพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธาน และกรรมการรวม 22 คน ทำหน้าที่จัดทำข้อเสนอและกรอบแนวทางการดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจ การฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งในระยะสิ้นและยาว รวมทั้งกำกับดูแลควบคุมและติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ คาดว่าคณะกรรมการชุดนี้จะเริ่มนัดประชุมนัดแรกโดยเร็วที่สุด 



          โครงสร้างคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจฯ มีนายกฯ เป็นประธาน และมีรองนายกฯ ที่ได้รับมอบหมายเป็นรองประธาน ส่วนกรรมการมีรัฐมนตรี 11 กระทรวงคือ กระทรวงการคลัง การต่างประเทศ การท่องเที่ยวและกีฬา เกษตรและสหกรณ์ คมนาคม ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พาณิชย์ มหาดไทย แรงงาน อุตสาหกรรม และสาธารณสุข พร้อมทั้งยังมีผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตัวแทนจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย และเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)  เป็นกรรมการและเลขานุการ 



รัฐบาล เตรียมทำเวิร์คช็อปดึงทุกภาคส่วนหาทางออกประเทศ



          นายกฯ แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย(ทรท.) เรื่องคณะรัฐมนตรีใหม่ และการเดินหน้าประเทศว่าที่ผ่านมาพวกเราได้ร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้กับโควิด-19 จนสำเร็จได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังต้องสู้กันต่อไปอีก เพราะตอนนี้ต้องเร่งแก้วิกฤตเศรษฐกิจ สิ่งที่เราทำได้ คือการให้คนที่มีความรู้ความสามารถมาทำงานแบบ New Normal ที่เรียกว่า รวมไทยสร้างชาติ ส่วนหนึ่งของรวมไทยสร้างชาติ คือการเปิดโอกาสให้คนเก่งๆ ในประเทศมาช่วยกันทำงานมาเป็นรัฐมนตรีใหม่ และเดือนหน้า จะเริ่มทำ Workshops กับภาคส่วนต่างๆ หาทางออกช่วยประเทศ



แนวทางที่ได้มอบให้รัฐมนตรีมี 5 อย่าง ที่ต้องทำ



1: การเยียวยา กลุ่ม SMEs และประชาชนในภาคส่วนต่างๆ ที่ตกงาน



2: จัดทำโครงการต่างๆ ใช้งบประมาณให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ตามกลไกของโครงสร้างคณะกรรมการและศูนย์บริหารสถานการณ์ที่มีการทำงานบูรณาการกัน ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ



3: สร้างแรงจูงใจให้ธุรกิจต่างๆ จ้างงานลูกจ้างต่อไป และให้ธุรกิจต่างๆ ใช้ช่วงเวลานี้ พลิกองค์กรของตัวเองให้กลายเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพและสามารถแข่งขันได้ดีขึ้น



4:การจัดทำแผนจ้างงานคนรุ่นใหม่ สร้างงานให้นักศึกษาจบใหม่



5: การทำงานต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และทุกคนในสังคมมีบทบาทหน้าที่ที่จะช่วยกันนำพาประเทศก้าวผ่านความท้าทายนี้ไปให้ได้



CR:รัฐบาลไทย



นายกฯ บอกไม่ลืม อสม.อยู่แล้ว ดูแลจนโควิด-19 จบ



          นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณค่าตอบแทนพิเศษ ให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตามโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ในการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ในชุมชน ตามที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เสนอว่า ครม.อนุมัติให้แล้ว 7 เดือน โดยให้ย้อนหลังจากเดือน มี.ค. ถึง ก.ย.แล้ว หลังจากนั้นจึงดูสถานการณ์โควิด-19 อีกครั้ง ซึ่งนายกฯบอกแล้วว่า ถ้ายังมีโควิด-19 อยู่ ก็ต้องดูแล อสม.กันต่อไป ไม่ลืมอยู่แล้ว 



รอผลตรวจซ้ำ! ชายญี่ปุ่น ที่เดินทางออกจากไทยและมีผลตรวจเป็นบวก



          นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง กรณีผู้ชายชาวญี่ปุ่น อายุ 47 ปี เดินทางจากประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 ส.ค. และได้รับการตรวจน้ำลายหาเชื้อโควิด-19 ที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮาเนดะ ผลการตรวจเป็นบวก (ตรวจพบโปรตีนของเชื้อไวรัสโคโรนา) ซึ่งหลังจากได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าวแล้ว กรมควบคุมโรคได้ประสานไปยังจุดประสานงานกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR national focal point) ของประเทศญี่ปุ่นทันที เพื่อขอทราบข้อมูลสำหรับสอบสวนโรค และตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม

          การติดตามและสอบสวนโรคเพิ่มเติม ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ชายชาวญี่ปุ่นรายดังกล่าว ซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัว ที่ยังอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 2 คน คือ ภรรยาและลูก ซึ่งผลตรวจทางห้องปฏิบัติการจากการตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูกด้วยวิธี RT-PCR ทั้ง 2 คน ให้ผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อโควิด-19 สำหรับผู้ชายชาวญี่ปุ่นรายดังกล่าว ทางโรงพยาบาลในญี่ปุ่นจะมีการตรวจหาเชื้อซ้ำในวันนี้



          กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ปฏิบัติตามหลักสากลในการป้องกันควบคุมโรค ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations: IHR) ที่ได้รับความร่วมมือจากทุกประเทศที่มีระบบความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ ทำให้มีการตรวจสอบติดตามและสอบสวนป้องกันโรคได้อย่างรวดเร็วทันทีเมื่อได้รับแจ้งข่าว ซึ่งทั้งประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น มีการดำเนินงานและประสานงานกันอย่างใกล้ชิด จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคของทั้งสองประเทศที่มีระบบเข้มแข็ง



ไทย ช่วยเลบานอน 50,000 ดอลลาร์ ฟื้นประเทศ




          นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยเกี่ยวกับการช่วยเหลือเลบานอนจากเหตุระเบิดขนาดใหญ่ที่กรุงเบรุตว่าในฐานะมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน รัฐบาลไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศ จะมอบเงินช่วยเหลือแก่เลบานอน จำนวน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือจำนวนประมาณ 1.5 ล้านบาท ผ่านคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross: ICRC) เพื่อสนับสนุนโครงการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว



          สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ซึ่งมีเขตอาณาครอบคลุมเลบานอน ได้ประสานงานกับรักษาการกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงเบรุต และเครือข่ายคนไทยในเลบานอนอย่างใกล้ชิด โดยทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน และมีห้องพักและทรัพย์สินของคนไทยจำนวนหนึ่งได้รับความเสียหาย รวมถึงอยู่ระหว่างการประสานงานเรื่องการจัดเที่ยวบินสำหรับคนไทยในเลบานอนที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ



 

ข่าวทั้งหมด

X