ผู้เสียชีวิตในพื้นที่สู้รบทั่วโลก ลดลงร้อยละ58 หลังโควิด-19 ระบาดหนัก

13 สิงหาคม 2563, 19:03น.


          นายเอียน โอเวอร์ตัน กรรมการบริหารขององค์กร Action on Armed Violence องค์กรการกุศลของอังกฤษที่วิจัยและรณรงค์เพื่อลดความรุนแรงจากการใช้อาวุธทั่วโลกเปิดเผยว่า ทีมวิจัยได้พบหลักฐานที่ชี้ถึงจำนวนชาวบ้านที่เสียชีวิต หรือบาดเจ็บจากเหตุรุนแรงในพื้นที่สู้รบทั่วโลกเช่น ซีเรีย อัฟกานิสถาน ปากีสถาน เยเมนและโซมาเลีย ระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคมปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พบว่า ลดลงร้อยละ 58 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเหตุโจมตีด้วยอาวุธ เช่น ระเบิดและจรวดในพื้นที่สู้รบทั่วโลกรวม 1,001 ครั้ง มีชาวบ้านเสียชีวิต 3,275 ราย ขณะที่สมาชิกกลุ่มติดอาวุธเสียชีวิต 2,381 ราย



          โดยเฉพาะซีเรีย ตัวเลขผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม มีจำนวน 706 ราย ลดลงร้อยละ 78 เมื่อเทียบกับ 3,150 รายในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ลิเบียเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศ ที่เกิดเหตุรุนแรงสูงขึ้นในระยะหลังๆมานี้ มีประชาชนเสียชีวิต หรือบาดเจ็บ 479 ราย ระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม เทียบกับตัวเลขผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ 431 รายในช่วงเดียวกัน เมื่อปีที่แล้ว ส่วนพื้นที่สู้รบอื่นๆเช่น อัฟกานิสถาน เหตุรุนแรงลดลงร้อยละ 30 มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ 1,165 รายจาก 1,654 ราย เยเมน ลดลงร้อยละ 31 มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ 163 รายจาก 236 ราย



          ทีมวิจัยระบุว่า หากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบันยังมีข้อผลดีอยู่บ้างก็คือ ช่วยทำให้การโจมตีชาวบ้านโดยอาวุธร้ายแรงเช่น ระเบิด ลดลงจากเดิม แสดงว่า เหตุโจมตีด้วยอาวุธเช่นระเบิดทั่วโลกเป็นเรื่องที่สามารถจะหาทางป้องกันหรือลดให้น้อยลงด้วยมาตรการต่างๆที่เหมาะสม พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใด ผู้มีระเบิดในมือจึงไม่เห็นว่าเหตุรุนแรงเช่นนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีความจำเป็น



Cr: BBC,aoav.uk

ข่าวทั้งหมด

X