วันนี้เราพามาดูการเปิดเรียนเต็มรูปแบบวันแรก โรงเรียนวัดเสาธงหิน จ.นนทบุรี เป็นอีก 1 โรงเรียนขนาดเล็ก มีเด็กประมาณ 200 คน แต่มีความพร้อมทุกด้านที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) การทดลองเปิดเรียนแบบ On-site เต็มรูปแบบ จึงไม่มีผลกระทบด้านการปรับแผนการเรียน
ในช่วงเช้านี้ผู้ปกครองต่างมาส่งบุตรหลานกันเป็นปกติ และโรงเรียนยังคงเข้มงวดมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ทั้ง 5 ข้อ คือล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยหรือแบบผ้า เว้นระยะห่าง จัดทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสรวมกันทุกสัปดาห์ และคัดกรองผู้ปกครอง คุณครู และนักเรียนก่อนเข้า-ออก โรงเรียน
สำหรับหลักมาตรการภายในโรงเรียนในช่วงนี้ คือ
-ยังให้เคารพธงชาติในห้องเรียนไปจนถึงวันที่ 17 สิงหาคม จนกว่าโรงเรียนจะจัดพื้นที่ได้สมบูรณ์
-ยังคงให้สลับกันรับประทานอาหารแม้พื้นที่โรงอาหารจะรองรับนักเรียนได้ แต่เพื่อการคงมาตรการเว้นระยะห่าง โรงอาหารจึงแบ่งช่วงการรับประทานอาหารเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงแรกชั้นอนุบาล 1-3 ทานอาหาร เวลา11.00-11.30น. ช่วงที่ 2 ชั้น ป.1-3 ทานอาหารเวลา 11.30-12.00 น.และช่วงสุดท้ายชั้น ป.4-6 ทานอาหาร เวลา 12.00-12.30 น.
-แยกของเล่นของเด็กอนุบาล
-จัดแยกรองเท้านักเรียนในแต่ละชั้นเรียน แตกต่างจากเดิมที่จะให้นักเรียนวางรองเท้านักเรียนติดกันได้
นายอภิรักษ์ น้ำทับทิม ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเสาธงหิน เปิดเผยว่า การปรับให้กลับมาเรียนเต็มรูปแบบ ทำให้นักเรียนได้ประโยชน์สามารถเรียนได้เต็มเวลา ครบทุกวิชาและจบการศึกษาได้ตามกรอบ ขณะที่ ครูสามารถหมุนเวียนสอนได้ตามวิชาถนัด เพราะที่ผ่านมาครูระดับอนุบาล มีความลำบากใจ เนื่องจากจะต้องไปสอนในวิชาที่ไม่ถนัด เพราะจำกัดให้จัดการสอน 2 ห้องต่อครู 3 คน เพื่อลดการสัมผัส
การเรียนเต็มรูปแบบนอกจากครูจะกลับไปสอนตามความถนัดแล้ว การเรียนการสอนมีคุณภาพมากขึ้นและจะเป็นโอกาสที่ดีที่ครูจะสามารถสอนวิชาที่ไม่สามารถสอนได้ เช่น พลศึกษา ลูกเสือ เนตรนารี และกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งเป็นวิชาที่ทำให้นักเรียนได้ผ่อนคลาย
ทั้งนี้ โรงเรียนจะยังคำนึงถึงความปลอดภัย เน้นการรักษาระยะห่าง โดยเฉพาะชั้นอนุบาล ยังคงให้แยกของเล่น แยกโต๊ะเรียนด้วยการกำหนดจุดส่วนตัว แม้ในช่วงเรียนเด็กชั้นอนุบาลจะยังไม่เข้าใจ แต่วันนี้เด็กๆปรับตัว และสามารถปฏิบัติตามมาตรการได้อย่างดี
ด.ช.ซอแลวี เกซอ นักเรียนชาวเวียดนาม ชั้นป.4 ห้อง 2 เล่าให้ฟังว่า ต้องปรับตัวแต่ก็ไม่เป็นปัญหาและแม้เป็นชาวต่างชาติก็ต้องปฏิบัติเหมือนชาวไทย และยังถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในด้านการเรียน เมื่อแยกห่างจากเพื่อนๆ ก็จะมีความสนใจการเรียนมากขึ้น