ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันอังคารที่ 11 สิงหาคม 2563
นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณเช้าพรุ่งนี้ (12ส.ค.)
รายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันพรุ่งนี้ นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรีที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ได้มีการนัดหมายบรรดารัฐมนตรีใหม่ในรัฐบาล“ประยุทธ์ 2/2”ให้มารวมตัวกันในวันที่ 12 ส.ค. เวลา 07.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อถ่ายรูปทำบัตรคณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมโดยสารรถตู้เพื่อเดินทางไปยังพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ในการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่
จากนั้นในวันที่ 13 ส.ค. เวลา 08.00 น. ครม.ทั้งหมดร่วมถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกบริเวณสนามหญ้า หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะมีการประชุมครม.“ประยุทธ์ 2/2”นัดแรก ที่ห้องประชุม ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ในเวลา 09.00 น.
สำหรับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้จัดสรรห้องทำงานบนตึกบัญชาการ 1 เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีการขนของเข้าห้องทำงาน โดยนายดอนใช้ห้องทำงานที่ชั้น 1 ซึ่งเคยเป็นห้องของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ ขณะที่นายสุพัฒนพงษ์ ใช้ห้องทำงานเดิมของนายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ชั้น 2 ด้านนายอนุชา ใช้ห้องทำงานบนชั้น 2 เช่นกัน ซึ่งเคยเป็นห้องทำงานของนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
เนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ลาออก ย้ำบริสุทธิ์ใจสั่งไม่ฟ้องคดีบอส อสส.ตั้งคณะทำงานสอบ
หลังเป็นประเด็นการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการสั่งคดีของอัยการ กรณีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ซึ่งลงนามโดยนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ล่าสุด สำนักงานอัยการสูงสุด ได้แถลงผ่านเอกสาร ระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วน จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบความเห็นและคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ เพื่อตรวจสอบความเห็นและคำสั่งไม่ฟ้องของนายเนตรว่า การรับฟังพยานหลักฐานเป็นไปตามหลักกฎหมาย ชอบด้วยเหตุผลและใช้ความระมัดระวัง ละเอียดรอบคอบหรือไม่เพียงใด แล้วเสนอรายงานผลการตรวจสอบ พร้อมความเห็นต่ออัยการสูงสุดเพื่อประกอบการพิจารณา สำหรับคณะทำงานประกอบด้วย
-นายสมศักดิ์ บุญทอง อดีตรองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
-พลเอกประชาพัฒน์ วัจนะรัตน์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ
-พลโทกิตติยุทธ กิตติยุทธโยธิน หัวหน้าสำนักงานตุลาการศาลทหาร และตุลาการพระธรรมนูญหัวหน้าศาลทหารสูงสุด
-นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล อดีตรองอัยการสูงสุด
-นายถาวร พาณิชพันธ์ อดีตรองอัยการสูงสุด
-หม่อมหลวงศุภกิตต์ จรูญโรจน์ และ
-ร้อยตำรวจเอกสกลกริช ฤทธิ์เดช
สำหรับนายเนตร ได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการต่ออัยการสูงสุด เพื่อแสดงความบริสุทธ์ใจและเป็นการแสดงสปิริต แก่องค์กรอัยการ และต้องการให้ทุกคนในสังคมเกิดความสบายใจ โดยยืนยันว่า การสั่งคดีนี้ได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนและตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
นายเนตร นาคสุข จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับสองจากจุฬาฯ และเนติบัณฑิตไทย ผ่านตำแหน่งสำคัญมา อาทิ อัยการจังหวัดน่าน,อัยการจังหวัดพิจิตร , รองอธิบดีอัยการภาค 6 , อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปกครองเชียงใหม่ ขึ้นเป็นอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูง จากนั้นเป็นรองอัยการสูงสุด
นอกจากนี้ยังเป็นบุคคลเดียวกับที่ลงนามคำสั่งชี้ขาดไม่อุทธรณ์คดีหมายเลขดำที่ อท.245/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 , 9 , 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,91 ในคดีร่วมกันฟอกเงิน ปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยให้กับกฤษดามหานคร จำนวน 10 ล้านบาท
รองผกก.สน.ทองหล่อ พร้อมสอบพยานเพิ่มคดีบอส อยู่วิทยา
คณะทำงานของอัยการสูงสุด สั่งให้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ สอบปากคำเพิ่มเติม ประเด็นสารเสพติด (โคเคน)และความเร็วรถยนต์ของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส คดีขับรถชนตำรวจจราจร สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อปี 2555 พันตำรวจโทธนาวุฒิ สงวนสุข รองผู้กำกับการ หัวหน้างานสอบสวน สน.ทองหล่อ ระบุว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่เห็นคำสั่งอย่างเป็น ทางการจากทางอัยการ โดยอาจส่งหนังสือไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกองบังคับการ ตำรวจนครบาล 5 ซึ่งเป็นไปตามลำดับชั้นก็อาจเป็นได้ ก่อนส่งมาให้พนักงานสอบสวนสน. ทองหล่อ
โดยขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยจัดพนักงานสอบสวนไว้จำนวน 5 นาย รองรับการสอบพยานเพิ่มเติมในประเด็นที่อัยการสั่ง เพื่อให้ทันกำหนด 20 สิงหาคม แต่หากไม่ทันก็จะขอเลื่อนส่งผลการสอบเพิ่มออกไปอีก 3 – 7 วัน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพยานว่า จะเข้ามาให้ปากคำได้เร็วแค่ไหน รวมถึงประเด็นที่อัยการต้องการให้สอบเพิ่มด้วย สำหรับหนังสือคำสั่งให้สอบปากคำเพิ่มเติมของอัยการคาดจะถึงมือพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ 1-2 วันนี้
ดีเอสไอส่งสำนวนคดีฆ่าบิลลี่ พอละจี ให้อัยการสูงสุดพิจารณา หลังเห็นแย้งกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องชัยวัฒน์กับพวก
หลังสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 สำนักงานคดีพิเศษ ได้มีหนังสือลงวันที่ 23 มกราคม 2563 สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดในคดีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชุมชนกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี หลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจับกุมในความผิดอาญา กรณีนำน้ำผึ้ง ซึ่งเป็นของป่าออกจากเขตอุทยานแห่งชาติฯ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตรวจพิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวน ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ และโดยเฉพาะพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ประกอบความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวน กับความเห็นของพนักงานอัยการที่ประกอบการออกคำสั่งไม่ฟ้องแล้ว เห็นว่ายังมิอาจเห็นพ้องด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงให้ส่งความเห็นพร้อมสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาตามกฎหมายต่อไปสำหรับ 4 ผู้ต้องหา คือ
(1) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร
(2) นายบุญแทน บุษราคัม
(3) นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ
และ (4) นายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ เป็นผู้ต้องหาที่ (1) – (4) ในความผิดฐาน
-ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแก่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
-ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย
-เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง
-เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
-เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และความผิดฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง
โดยอัยการออกคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ (1) - (3) เฉพาะความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
และออกคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ (4) เฉพาะความผิดฐานสนับสนุนตามข้อกล่าวหาดังกล่าว เท่านั้น
อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยผลตรวจชายไทยกลับไปญี่ปุ่น ไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19
หลังมีผู้เดินทางจากไทยไปญี่ปุ่น ตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า หลังจากได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าวแล้ว กรมควบคุมโรคได้ประสานไปยังจุดประสานงานกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR national focal point) ของประเทศญี่ปุ่นทันทีเพื่อสอบสวนโรคตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม และติดตามบุคคลรายดังกล่าวแล้ว พบว่า มี 2 เหตุการณ์ ดังนี้
-รายแรกเป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุ 24 ปี เดินทางไปทำงานก่อสร้างที่ญี่ปุ่น โดยกลับมาไทยเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 63 เข้ารับการกักตัวที่สถานที่กักกันที่ราชการกำหนด จนถึงวันที่ 21 ก.ค. 63 ได้รับการหาเชื้อฯ จำนวน 2 ครั้ง ไม่พบเชื้อทั้งสองครั้ง หลังจากนั้นเดินทางกลับบ้านที่ จ.เชียงราย ซึ่งพักอยู่บ้านกับมารดาเพียง 2 คน ไม่ได้เดินทางไปไหน
-และในวันที่ 29 ก.ค. 63 ไปเกณฑ์ทหารโดยปฏิบัติตัวในการป้องกันโรคโควิดอย่างเคร่งครัด ต่อมาได้เดินทางไปญี่ปุ่นอีกครั้งเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 63 ถึงท่าอากาศยานนานาชาติฮาเนดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 1 ส.ค. 63 ได้รับการเก็บน้ำลายส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลเป็นบวก และถูกส่งเข้าสถานที่กักตัวของรัฐ
หลังทราบผลได้แจ้งให้มารดาที่จ.เชียงรายทราบ มารดาจึงไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน โดยมีการเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลไม่พบเชื้อ ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย มีการติดตามผู้สัมผัสที่เป็นเพื่อน 3 คน และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 28 คน รวมทั้งสิ้น 32 ราย (รวมมารดา) ผลไม่พบเชื้อทั้งหมด
-และในวันที่ 8 ส.ค. 63 ได้แจ้งมาทางมารดาว่า โรงพยาบาลในญี่ปุ่นตรวจซ้ำอีก 2 ครั้งหลังกักกัน 7 วัน ผลตรวจเป็นลบทั้งสองครั้ง และอนุญาตให้ออกจากสถานที่กักกัน ดังนั้น สรุปได้ว่ารายนี้ จากผลตรวจครั้งที่สองเป็นลบ ได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน และการตรวจผู้สัมผัสใกล้ชิดก็ไม่พบการติดเชื้อเช่นเดียวกัน จึงไม่น่าใช่ผู้ติดเชื้อโควิด 19
-รายที่สอง เป็นเพศชาย สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 47 ปี เดินทางจากไทยเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 63 ได้รับการตรวจน้ำลายหาเชื้อที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮาเนดะ ผลโควิด 19 เป็นบวก รายนี้ได้ประสานงานผ่านกลไกกฎอนามัยระหว่างประเทศ อยู่ระหว่างรอรายละเอียดการอาศัยและผู้สัมผัสที่อยู่ในไทย อีกทั้งได้ประสานสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจสอบที่อยู่และค้นหาผู้สัมผัส ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการเช่นเดียวกัน และเมื่อได้รับข้อมูลแล้ว จะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
สำหรับวิธีการตรวจที่สนามบินในญี่ปุ่นที่ใช้กับผู้เดินทางทั้ง 2 รายนี้ เป็นวิธีใหม่ เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 63 คือวิธี CLEIA (ChemiLuminescent Enzyme ImmunoAssay) โดยตรวจหาเชื้อจากตัวอย่างน้ำลาย ซึ่งเป็นวิธีการตรวจที่องค์การอนามัยโลกยังไม่ได้รับรอง ทั้งนี้ ประเทศไทยยังใช้วิธีการตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูกด้วยวิธี RT PCR ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานในการวินิจฉัยผู้ติดเชื้อโควิด 19
นายกฯเห็นชอบ ทดลองเปิดเรียนเต็มรูปแบบ เริ่ม 13 ส.ค.นี้
การกลับมาเปิดการเรียนการสอนตามปกติ หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 หรือ โควิด-19 ล่าสุด นายสนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ ศธ 04005/ว1093 ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2563 แจ้งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.) ทุกเขต เรื่อง การทดลองเปิดเรียนแบบ On-site ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เต็มรูปแบบทั่วประเทศ
โดยการทดลองเปิดเรียนแบบ On-site ของสถานศึกษาเต็มรูปแบบ แต่นักเรียนจะต้องจดบันทึกการเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ หลังเลิกเรียน เพื่อเป็นมาตรการในการติดตาม นักเรียนหากมีการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวในสถานศึกษา และสถานศึกษาจะต้องปรับ การจัดการเรียนการสอนโดยเน้นการจัดกิจกรรมนอกห้องเรียน เพื่อใช้ห้องเรียนให้น้อยที่สุด
ซึ่งการทดลองครั้งนี้ได้รับอนุมัติจากนายกรัฐมนตรี และสามารถทดลองเปิดเรียน แบบ On-site เต็มรูปแบบทั่วประเทศได้ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป
นักเรียน 91 คนของโรงเรียนมัธยมศึกษาเมืองมะสึเอะ ติดโรคโควิด-19
นายนาโอกิ กิตามุระ ครูใหญ่ของโรงเรียนมัธยมศึกษาริสโช โชนัน (Rissho Shonan) ในเมืองมะสึเอะ จังหวัดชิมะเนะ ญี่ปุ่น แสดงความเสียใจต่อชาวญี่ปุ่น กรณีนักเรียน 91 คนของโรงเรียนติดโรคโควิด-19 ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เป็นการแพร่ระบาดในทีมนักฟุตบอลชายของโรงเรียน เป็นหนึ่งในทีมฟุตบอลระดับมัธยมศึกษาที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ในจำนวนนี้ มีนักฟุตบอล 82 คนพักอยู่ในหอพักเดียวกันและทั้งหมดไม่มีอาการป่วยหรือมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย
สำหรับโรงเรียนดังกล่าวมีนักเรียน คณะครูและเจ้าหน้าที่รวม 350 คน จากการสอบสวนเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ ทราบว่าก่อนหน้านี้มีชายวัย 70 ปีเศษมาเยี่ยมหอพักของโรงเรียน และทราบว่ามีสมาชิก 3 คน ในครอบครัวของชายคนดังกล่าวติดโรคโควิด-19
เมื่อปลายเดือน ก.ค. ทีมฟุตบอลชายของโรงเรียนได้เดินทางไปฝึกซ้อมกับทีมฟุตบอลของโรงเรียนในจังหวัดอื่นๆ เช่น โอซากา,ทตโตะริ,และจังหวัดคางาวะ ทำให้หลายฝ่าย กังวลว่าอาจจะมีการแพร่เชื้อในหมู่นักฟุตบอลอีกหลายคน
ด้านเทศบาลเมืองมะสึเอะ อยู่ระหว่างสอบสวนว่ามีนักฟุตบอลและผู้ฝึกสอนจากสโมสรใดบ้างที่เข้าร่วมแข่งขันในรายการต่างๆกับทีมฟุตบอลของโรงเรียนมัธยมศึกษาริสโช โชนัน เพื่อช่วยติดตามเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงต่อไป
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีผู้ป่วยสะสม 49,843 คน เสียชีวิต1,052 ราย
หุ้นไทยบวกได้ 14 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,336.84 จุด เพิ่มขึ้น 14.83 จุด มูลค่าการซื้อขาย 71,983.87 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ดีมาก จากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯที่น่าจะได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้ ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกที่ผ่อนคลายมากขึ้น หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ชะลอตัวลง รวมถึงจะมีการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ในเฟส 3 ของหลายบริษัทในเร็ว ๆ นี้
ขณะเดียวกันปัจจัยในประเทศ ในด้านของการชุมนุมทางการเมือง ตลาดมองสัญญาณมีทิศทางผ่อนคลาย หลังจากที่นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่ารัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นความคิดของคนรุ่นใหม่ พร้อมที่จะรับฟังและแก้ปัญหาเพื่อขับเคลื่อนประเทศ
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดทะยานขึ้นกว่า 400 จุดในวันนี้ ขานรับความหวังที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะฟื้นตัวจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 หลังจากผู้นำสหรัฐฯลงนามในคำสั่งขยายความช่วยเหลือแก่ชาวอเมริกัน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ดัชนีนิกเกอิปิดที่ 22,750.24 จุด เพิ่มขึ้น 420.30 จุด
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดดีดตัวขึ้นกว่าร้อยละ 2 จากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดวันนี้ที่ 24,890.68 จุด เพิ่มขึ้น 513.25 จุด