ความคืบหน้าคดียิงกันในบ่อนการพนัน ย่านพระราม 3 วันนี้ครบกำหนดขีดเส้นตาย 3 วัน ของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวก่อนประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีนี้ว่า หลังจากที่ควบคุมตัวและสอบปากคำ นายวสันต์ เพ็งใย ชาวกรุงเทพฯ ยอมรับว่าเป็นผู้เช่าอาคารพาณิชย์ที่ใช้เปิดเป็นบ่อนการพนัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อว่าเป็นผู้เช่าตัวจริง และจะมีความเชื่อมโยงกับ เฮียตี้ หรือไม่ ต้องรอการสืบสวน เพราะพยานหลักฐานยังไม่ได้เชื่อมโยงไปถึงเฮียตี้ ซึ่งเฮียตี้ ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมา จากการสืบสวนทราบว่ามีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 คน แต่เชื่อว่ามีมากกว่านี้ คดีดังกล่าวไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้าต้องรวบรวมพยานหลักฐานและผู้ต้องหาในคดีพนันบางคนก็อาจจะเป็นพยานในคดีฆ่าผู้อื่นและคดีทำลายพยานหลักก็ได้
นอกจากนี้มีรายงานว่านายวสันต์ เป็นลูกน้องของคนที่ชื่อต้น ซึ่งทั้งสองคนร่วมกันถอดกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุ โดยนายวสันต์ ถูกจ้างให้มาเป็นผู้เช่าอาคาร 1-2 เดือน รวมถึงดูแลบ่อนการพนัน
ส่วนการดำเนินคดีฆ่าผู้อื่นที่นายพิพิธ ศรีสุวรรณ์ หรือ บอย บ้านครัว อายุ 61 ปี ที่เดินทางมอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆและรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงนายถาวร สีสด พร้อมกับนำอาวุธปืนมามอบให้เจ้าหน้าที่ ขณะนี้ได้ส่งอาวุธปืนไปตรวจพิสูจน์เทียบกับสถานที่เกิดเหตุและร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 รายว่าสอดคล้องกันหรือไม่ เชื่อว่ามีผู้ใช้อาวุธปืนมากกว่า 1 คน แต่ขอเวลาในการตรวจสอบก่อน
สำหรับประเด็นที่นายสิระ เจนจาคะ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรและประชาชนตั้งข้อสังเกตว่า นายบอยเป็นแพะหรือไม่ ทางตำรวจทำคดีตามพยานหลักฐาน จนศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับ แต่หากนายสิระมีหลักฐานเพิ่มเติม สามารถนำมามอบให้กับตำรวจได้
คดีทำลายหลักฐาน ขณะนี้พิสูจน์ทราบตัวบุคคลเบื้องต้น 6 คน ส่วนนายธนบูลย์ สารลึก(ต้น) อายุ 46 ปี ภูมิลำเนาบางขุนเทียน กรุงเทพฯ เป็น 1 ใน 6 คนได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ช่วยทำลายหลักฐานการลักลอบเล่นการพนัน อีก 5 คน อยู่ระหว่างการติดตามตัว ส่วนกล้องวงจรปิดเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกทำลายหลักฐาน ตอนนี้กองพิสูจน์หลักฐานอยู่ระหว่างกู้และประสานผู้เชี่ยวชาญกู้ข้อมูล
อย่างไรก็ตาม การทำงานติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาเป็นไปตามที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้กำหนดไว้หรือไม่ ผบช.น.ระบุว่า ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผบ.ตร.ว่าจะดำเนินการอย่างไร