ผลการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์โรคโควิด-19 ในระดับนานาชาติศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์การวิจัยและพัฒนาของ ศบค. นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.) ได้เปิดเผยว่า การระบาดยังรุนแรงมากทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันเกือบ 300,000 คนหรือเพิ่มขึ้นหนึ่งล้านคนในทุก 3-4 วัน ที่สำคัญคือแนวโน้มการระบาดได้เปลี่ยนไปอีกระยะ จากการมีจุดศูนย์กลางการระบาดเป็นบางหย่อมกลายเป็นการระบาดในเกือบทุกจุดทั่วโลกพร้อมๆ กัน รวมทั้งได้เกิดการระบาดระลอกที่สองในหลายประเทศที่เคยควบคุมการระบาดได้ดีมาก่อน
การประเมินความเสี่ยงด้านการเดินทางระหว่างประเทศนั้นในสัปดาห์นี้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและเป็นข่าวดีของประเทศไทย คือ สหรัฐอเมริกา ได้ปรับระบบการให้คำแนะนำการเดินทางของคนอเมริกัน จากเดิมที่กระทรวงการต่างประเทศได้ประกาศแนะนำให้คนอเมริกันไม่เดินทางไปต่างประเทศทุกประเทศ (Do Not Travel advisory) ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2563 เป็นต้นมา รวมทั้งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา ได้ยกระดับความเสี่ยงเรื่องการเดินทาง โดยแนะนำให้ไม่เดินทางโดยไม่จำเป็น (Non-essential Travel) นั้น
ปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประเมินสถานการณ์ในระดับโลกและระดับประเทศใหม่ เนื่องจากแต่ละประเทศสามารถควบคุมการระบาดได้ไม่เท่ากัน บางแห่งสถานการณ์ดีขึ้น บางแห่งสถานการณ์แย่ลงจึงได้เปลี่ยนจากการประกาศคำแนะนำการเดินทางรวมกันทั่วโลกมาเป็นการประเมินเป็นรายประเทศ
สำหรับประเทศไทยอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงต่ำ ซึ่งมีเพียง 7 ประเทศหรือดินแดนเท่านั้น ได้แก่ ไทย นิวซีแลนด์ ฟิจิ หมู่เกาะโบแนเรอ ซาบา ซินต์เอิสตาซียีส และเซนต์บาร์เตเลมี ส่วนกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำมากอีก 13 ประเทศ/ดินแดน เกือบทั้งหมดเป็นเกาะหรือประเทศขนาดเล็กหรือมีประชากรไม่มาก
สรุปข้อมูลการประเมินความเสี่ยงเพื่อคำแนะนำการเดินทาง
1. กลุ่มความเสี่ยงสูง จำนวน 207 ประเทศ/ดินแดน
2. กลุ่มความเสี่ยงปานกลาง ไม่มี
3. กลุ่มความเสี่ยงต่ำ จำนวน 7 ประเทศ/ดินแดน โดยในทวีปเอเชีย ได้แก่ ไทย และนิวซีแลนด์
4. กลุ่มความเสี่ยงต่ำมาก จำนวน 13 ประเทศ/ดินแดน โดยในทวีปเอเชีย ได้แก่ บรูไน ลาว มาเก๊า ไต้หวัน ติมอร์-เลสเต
5. กลุ่มที่ไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะประเมิน จำนวน 14 ประเทศ/ดินแดน