กรมควบคุมโรคได้ประเมินสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในเวียดนาม ที่กลับมาระบาดใหม่ระลอกที่ 2 เริ่มปลายเดือนกรกฎาคม 2563 เป็นตัวอย่างที่ทำให้ประเทศไทยต้องเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการเดินทางเข้ามาจากเวียดนามและทบทวนมาตรการป้องกันการระบาดและเตรียมรับมือสถานการณ์
การระบาดระลอก 2 ในเวียดนามคาดว่าเกิดจากเชื้อที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น ลักลอบเข้าเมือง หรือแพร่จากผู้ถูกกักกัน มีรายงานการพบผู้ป่วยที่เมืองดานัง โดยมีการติดเชื้อในโรงพยาบาลอย่างน้อย 3 แห่ง ล่าสุด (8 สิงหาคม) มีผู้ป่วยและเสียชีวิต 10 ราย ทุกรายเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรังและอายุมาก เช่น โรคไตวาย เบาหวาน มะเร็ง จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 376 คนในเวลา 2 สัปดาห์กว่า และกระจายไปยังเมืองอื่นของประเทศรวม 12 จังหวัด
การที่เชื้อแพร่เร็ว มีสาเหตุจากการติดเชื้อในชุมชนท่องเที่ยวคนจำนวนมาก และเกิดที่โรงพยาบาลทำให้ผู้ติดเชื้อ 1 คนสามารถแพร่โรคได้ 5-6 คนโดยเฉลี่ย (การระบาดระลอกแรก แพร่ 1-2 คน)
เนื่องจากขณะนี้ ทั่วโลกพบไวรัสสายพันธุ์ G มากกว่าร้อยละ 90 ซึ่งมีความสามารถในการแพร่เชื้อได้ดีกว่าแต่ไม่ได้ทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นในคนทั่วไป โดยรัฐมนตรีสาธารณสุขของเวียดนามมองว่า สายพันธุ์ของเชื้อที่พบมีความรุนแรงมากขึ้น โดย 1 คนสามารถแพร่ไปได้ 5-6 คน จากช่วงก่อนหน้าที่แพร่ไปแค่ 1-2 คน แม้เรื่องสายพันธุ์ใหม่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากองค์การอนามัยโลกก็ตาม
ขณะที่ อัตราป่วยตายในเวียดนามขณะนี้ประมาณร้อยละ 2.7 (ทั่วโลกเสียชีวิตประมาณร้อยละ 5) และผู้เสียชีวิตในเวียดนามเป็นผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยหลายโรคประจำตัวอายุตั้งแต่ 53-86 ปี
จากการประเมินสถานการณ์ล่าสุด เวียดนามยังพบผู้ป่วยประมาณ 30-40 คนต่อวันซึ่งยังต้องใช้เวลาควบคุมการระบาดอีกระยะหนึ่ง