ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2563

ประชุมนัดแรก หลังมี ครม.ชุดใหม่ ประยุทธ์ 2/2 พฤหัส 13 ส.ค.    

          หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.) ชุดใหม่แล้ว ได้แจ้งผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีใหม่เตรียมพร้อมถ่ายรูปครม.เต็มคณะ ที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ 13 ส.ค. ก่อนเข้าร่วมการประชุม ครม.นัดแรก ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ 2/2 ที่ห้องประชุมชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งกำหนดการประชุม ครม.นี้เลื่อนจากเดิมที่จะมีขึ้นในวันอังคารที่ 11 ส.ค.

         ในการประชุมครม.ครั้งนี้ คาดว่าจะมีการเสนอขอความเห็นชอบแต่งตั้งโฆษกประจำสำนักนายกฯคนใหม่ แทนนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์  พล.อ.ประยุทธ์ กำลังพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสม นอกจาก นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตโฆษกพรรคพลังประชารัฐแล้ว ยังมีข่าวการทาบทาม นายอนุชา บูรพชัยศรี เลขานุการรมว.ศึกษาธิการ และอดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ด้วย

          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึง ครม.ชุดใหม่ว่า จากนี้จะมีการกำหนดเวลาเข้าเฝ้าฯ สบายใจแล้วกัน จะได้ทำงานกันได้

“รองวิษณุ” เผยการตั้ง “ดอน” เป็นรองนายกฯ ทำหน้าที่ประชุมต่างประเทศแทนนายกฯ

         นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง สาเหตุการแต่งตั้งนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งว่า น่าจะเป็นกรณีที่ที่ผ่านมานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เดินทางไปทำหน้าที่ในนามนายกฯ เมื่อเป็นเช่นนี้นายดอนคงทำหน้าที่ดังกล่าวแทน ซึ่งภารกิจที่นายกฯต้องเดินทางไปในต่างประเทศมีมาก หากนายกฯไม่ไป จะมอบหมายรัฐมนตรีไม่ได้ ขณะที่รมว.ต่างประเทศ ต้องไปประชุมในระดับรัฐมนตรีอยู่แล้ว เมื่อแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีจะสามารถประชุมแทนนายกฯได้ด้วย

ทองคำตลาดโลก ปิดพุ่งทำนิวไฮต่อเนื่อง

          เมื่อวานนี้ สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาขายทองคำเป็นครั้งที่ 7 โดยราคาปรับขึ้น 350 บาท

-ราคาขายทองคำแท่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทองคำแท่ง ขายออก 30,050 บาท ราคารับซื้อ 29,950 บาท

-ราคาทองรูปพรรณ ขายออก 30,550.0 บาท รับซื้อ 29,410.40 บาท

          ทองคำตลาด โคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 20.1 ดอลลาร์ หรือร้อยละ 0.98 ปิดที่ 2,069.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 5

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 27,386.98 จุด เพิ่มขึ้น 185.46 จุด หรือร้อยละ 0.68 ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 นักลงทุนขานรับความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯ ขณะที่ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,349.16 จุด เพิ่มขึ้น 21.39 จุด หรือร้อยละ 0.64 ส่วนดัชนี แนสแดค ปิดที่ 11,108.07 จุด เพิ่มขึ้น 109.67 จุด หรือร้อยละ 1.00  

          สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 24 เซนต์ หรือ ร้อยละ 0.6 ปิดที่ 41.95 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 8 เซนต์ หรือร้อยละ 0.2 ปิดที่ 45.09 ดอลลาร์/บาร์เรล นักลงทุนกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 19 ล้านคน และมียอดผู้เสียชีวิตมากกว่า 7 แสนราย

สพฐ.เสนอ ศบค.ผ่อนคลายการเรียนในห้อง 100 % แต่ต้องเข้มตามมาตรการ

          นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่ากระทรวงศึกษาธิการ หารือร่วมกับหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัด ทั้ง สพฐ. สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เพื่อจัดทำข้อมูลเสนอขอเปิดเรียน 100% เต็มรูปแบบ โดยจะเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ให้พิจารณาผ่อนคลายในวันนี้

          สำหรับสพฐ.จะเสนอให้โรงเรียนที่มีความพร้อมกว่า 4,500 โรงเรียน เปิดเรียน 100% แต่ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด คือ ให้นักเรียนสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และงดเว้นกิจกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ขณะเดียวกันจะใช้แนวทางประเมินความเสี่ยงของศบค.และกระทรวงสาธารณสุขเข้ามาช่วยดูแลอย่างเคร่งครัด

นายอำนาจ เปิดเผยว่า ในช่วงที่เปิดภาคเรียนมาประมาณ 1 เดือน พบว่า  

-ในส่วนของโรงเรียนที่เปิดสอนแบบการเรียนในโรงเรียนพื้นที่ปลอดภัย ภายใต้เงื่อนไขของ ศบค. จังหวัด ประมาณ 23,000 โรงเรียน ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา  เพราะโรงเรียนดูแลเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ การตรวจวัดอุณหภูมิ และการเว้นระยะห่าง เพียงแต่ครูต้องมีภารกิจมากขึ้น  

-โรงเรียนที่สอนแบบผสมผสานคือเรียนออนไลน์ที่บ้านและเรียนที่โรงเรียน พบข้อจำกัดผู้ปกครองบางคนไม่มีเวลาดูแลเด็ก และหากปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียวโดยเฉพาะเด็กผู้หญิง อาจจะมีความเสี่ยง ขณะเดียวกันมีเสียงสะท้อนว่าเด็กๆ อยากเจอครู อยากเจอเพื่อน อยากมาโรงเรียน          

สหรัฐฯ จัดให้ไทยอยู่ในกลุ่มที่ 2 พิจารณาการเดินทาง บางพื้นที่ยังมีความเสี่ยงโควิด-19

          กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จัดให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่ 2 ของการยกระดับคำเตือนพลเมืองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปต่างประเทศ เนื่องจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 และจะออกคำแนะนำการเดินทางเป็นรายประเทศต่อไป เนื่องจากบางประเทศมีสภาวะสุขภาพและความปลอดภัยที่ดีขึ้น แต่ในบางประเทศกำลังแย่ลงจึงแนะนำให้พลเมืองมีความระมัดระวังในการเดินทางไปต่างประเทศ เนื่องจากลักษณะของการระบาดใหญ่ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้  ประกาศนี้ยังเกิดขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯกำลังพยายามที่จะยกเลิกมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้สหรัฐฯกลับมาสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมีผู้ป่วยสะสมและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก และหลายประเทศยังห้ามพลเมืองสหรัฐฯ เดินทางเข้าประเทศ

          ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จัดให้ไทยอยู่ในกลุ่มที่ 2 ของการเดินทางต่างประเทศ ซึ่งหมายถึงยังมีบางพื้นที่ที่มีความเสี่ยง

          ส่วนกลุ่มที่อยู่ในสถานะระดับ 1 หรือไม่มีความกังวลเรื่องการเดินทางคือไต้หวัน กับออสเตรเลีย

          สถานะระดับ 3 หมายถึงการพิจารณาการเดินทางใหม่ให้กับสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี เวียดนาม ศรีลังกา ไลบีเรีย อาร์เมเนีย ฟิลิปปินส์และลาว ยังคงคำเตือนระดับ 4 เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นที่ได้แก่ อินเดีย รัสเซีย บังกลาเทศ คอสตาริกา อียิปต์ เฮติ อิหร่านและลิเบีย

กพท.ยืนยัน สายการบินไทยหมุนเวียนเครื่องทำการบิน หลังเอฟเอเอ เตือนเช็ควาล์วแรงดันอากาศ

          เมื่อช่วงปลายเดือนก.ค. สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) ออกคำสั่งแจ้งเตือนไปยังบริษัทผู้ผลิตและสายการบินที่ใช้เครื่องบินของบริษัทโบอิ้ง รุ่น 737-300, -400, -500, -600, -700, -700, -800, -900 และ -900 ER ให้ตรวจสอบความสมบูรณ์ของระบบวาล์วที่ทำหน้าที่ในการควบคุมแรงดันอากาศภายในเครื่องยนต์ของเครื่องบินโบอิ้ง 737 รุ่นที่กล่าวมาข้างต้นโดยด่วน เนื่องจากเกรงว่าระบบวาล์วดังกล่าวอาจจะเกิดปัญหามีสนิมเกาะหลังจากหลายสายการบินทั่วโลกหยุดทำการบินชั่วคราวจากปัญหาโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี  ประกอบกับ เอฟเอเอ ตรวจพบว่ามีเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 จากทั่วโลกประมาณ 3-4 ลำ เกิดปัญหาเครื่องดับกลางอากาศระหว่างทำการบิน แต่กัปตันยังสามารถแก้ไขสถานการณ์นำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัย

         นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ชี้แจงว่า สายการบินของไทยทุกสายการบินมีการหมุนเวียนเครื่องเพื่อใช้ทำการบินสำหรับเที่ยวบินพิเศษที่นำชาวต่างชาติกลับประเทศและนำคนไทยเดินทางกลับไทยในช่วงโควิด-19 โดยหมุนเวียนทำการบินอย่างสม่ำเสมอ ทุกสายการบินมีมาตรการดูแลบำรุงรักษาเครื่องบิน ทั้งเรื่องการสตาร์ทเครื่องยนต์สม่ำเสมอโดยช่างอากาศยาน การดูแลรักษาสภาพภายในเพื่อไม่ให้เกิดเชื้อรา รวมทั้งตามระเบียบของกพท.ทุกสายการบินมีหน้าที่ต้องรายงานมาตรการการซ่อมบำรุงและทำการบินที่ปลอดภัยมายังกพท.อย่างสม่ำเสมอ ขณะเดียวกัน กพท.จะประสานไปที่สองสายการบิน คือ นกแอร์และสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ ที่นำเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 มาให้บริการว่าดำเนินการตามที่เอฟเอเอแจ้งเตือนครบถ้วนหรือไม่ ก่อนที่กทพ.จะเข้าไปตรวจสอบเครื่องบินของทั้ง 2 สายการบินซ้ำอีกครั้ง