จากเหตุระเบิดที่ท่าเรือกรุงเบรุตในวันอังคาร (4 ส.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 135 รายและบาดเจ็บมากกว่า 4,000 คน ขณะที่การประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลาสองสัปดาห์ได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่ประชาชนในกรุงเบรุต ต่างแสดงความไม่พอใจรัฐบาลเลบานอน ที่มีความประมาทเลินเล่อ จนทำให้เกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ หลังจากประธานาธิบดีมิเชล อาอูน กล่าวว่า การระเบิดเกิดจากแอมโมเนียมไนเตรต 2,750 ตันที่เก็บไว้ในคลังสินค้าอย่างไม่ปลอดภัย ซึ่งประชาชนจำนวนมากเห็นว่า สาเหตุเกิดจากเจ้าหน้าที่ทุจริต ละเลยและบริหารงานผิดพลาด
ส่วนความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่ทยอยส่งมาถึงกรุงเบรุต ทางการสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี เปิดเผยว่า ได้จัดส่งยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์น้ำหนัก 43 ตันเพื่อให้ความช่วยเหลือโรงพยาบาลในการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บจำนวนหลายพันคน ซึ่งเป็นการให้ความช่วยเหลือที่จัดทำโดยองค์การอนามัยโลก ร่วมกับสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ หรือ ไอเอฟอาร์ซี (The International Federation of Red Cross and Red Crescent Societies : IFRC) โดยประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขและการป้องกัน ซึ่งทีมทำงานตลอดทั้งคืนเพื่อจัดเตรียมหีบห่อสิ่งของต่าง ๆ ที่โกดังศูนย์มนุษยธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งมีหน่วยงานบรรเทาทุกข์หลายสิบแห่งตั้งอยู่
นางจอร์จี้ ไมนา ผู้จัดการคลังของไอเอฟอาร์ซี กล่าวว่า นอกจากการจัดส่งยาและเครื่องมือต่าง ๆ แล้ว ยังได้จัดส่งอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล PPE ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ด้วย
นางรีม อัลฮาชิมาย รัฐมนตรีความร่วมมือระหว่างประเทศ กล่าวว่า ยูเออี พร้อมให้ความช่วยเหลือเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นการย้ำถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความเป็นพี่น้องกันและเป็นมิตรในยามวิกฤต โดยจะมีการประเมินสถานการณ์เพื่อจัดส่งความช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อไป
....