ทองคำในประเทศเมื่อวานนี้ เพิ่มขึ้น 650 บาท ปรับขึ้น-ลง 10 ครั้ง
ราคาทองคำในประเทศจากสมาคมผู้ค้าทองคำ วันที่ 5 สิงหาคม 2563 ปรับเปลี่ยนระหว่างวันรวม 10 ครั้ง เพิ่มขึ้น 650 บาท
-ราคาทองคำแท่ง ขายออกที่บาทละ 29,700.00 บาท รับซื้อที่บาทละ 29,600.00 บาท
-ราคาทองคำรูปพรรณ ขายออกที่บาทละ 30,200.00 บาท รับซื้อที่บาทละ 29,061.72 บาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของราคาทองคำรูปพรรณ ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นตามราคาทองคำโลกที่ปรับขึ้นทะลุ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ เนื่องจาก นักลงทุนคาดหวังการเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ และการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด ประเมินว่า ในสัปดาห์นี้ คาดว่า ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นทดสอบ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่บาทละ 29,970 บาท โดยได้แรงหนุนจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม
กกร.ชูเรื่องท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ –ศูนย์กลางการค้า เสนอทีมศก.ชุดใหม่
นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐเอกชน(กกร.) ตั้งคณะทำงาน กกร. ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เพื่อร่วมกันจัดเตรียมแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการปฏิรูปเศรษฐกิจ โดยมีแผนผลักดัน 4 เรื่องเพื่อให้เกิดผลได้จริง
1. การส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิง Wellness
2. การยกระดับสินค้าเกษตร
3. การเพิ่มโอกาสของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กในธุรกิจเป้าหมาย
4. การยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการค้าและการลงทุนของภูมิภาค ทั้งนี้เมื่อได้ข้อสรุปแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจดังกล่าวแล้วในเร็วๆนี้จะนำไปหารือและเสนอให้มีมาตรการช่วยเหลือจากทีมเศรษฐกิจชุดใหม่
นอกจากนี้ กกร. การจัดตั้งคณะกรรมการภาษีเพื่อจัดทำข้อเสนอมาตรการทางภาษี (ภาษีสรรพากร) เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ข้อเสนอดังกล่าว กกร.จะนำเสนอรัฐบาลให้ได้พิจารณาต่อไป
ผู้เชี่ยวชาญ เตือนศก.ไทย ฟื้นตัวแบบไม่ราบรื่น มีตัวแปรเรื่องผ่อนปรนการชำระหนี้
นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาธุรกิจการเงิน กลุ่มเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวแบบทุลักทุเลหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง คาดว่า ตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 2/2563 จะออกมาติดลบ 2 หลักและหลายคนมองว่าเศรษฐกิจน่าจะถึงจุดต่ำสุดเป็นผลจากการล็อกดาวน์กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศเกือบทั้งหมด นายศุภวุฒิ กล่าวว่า อย่านึกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะมีตัวแปรบางตัวที่น่าเป็นห่วงว่าอาจทำให้เศรษฐกิจข้างหน้าสะดุด โดยเฉพาะการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ขอผ่อนปรนการชำระหนี้ พบว่า
-ตั้งแต่เดือน เม.ย. จนถึงวันที่ 15 มิ.ย.มีผู้ขอผ่อนผันไม่จ่ายเงินต้นและดอกเบี้ย 16.2 ล้านบัญชี รวมมูลหนี้ราว 6.7 ล้านล้านบาท หรือกว่า 1 ใน 3 ของสินเชื่อในระบบ สะท้อนปัญหาคุณภาพสินทรัพย์อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจเอสเอ็มอี มีมูลหนี้ 2.2 ล้านล้านบาท จากจำนวน 1.1 ล้านราย น่าจะอยู่ในธุรกิจท่องเที่ยวหรือธุรกิจที่ไม่แข็งแรงมีสายป่านไม่มาก
เมื่อมาตรการผ่อนปรนของ ธปท.หมดลงในเดือน ต.ค.นี้ จะเห็นการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ก็ไม่กล้าปล่อยกู้เพิ่ม จึงเชื่อว่าจะเป็นตัวฉุดรั้งการฟื้นตัวเศรษฐกิจ และมีโอกาสไตรมาส 4 เศรษฐกิจสะดุดไปอีก
“หมอธีระ” เผย พรุ่งนี้ ทั่วโลกจะมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทะลุ 19 ล้านคน
สถานการณ์โควิด-19 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanara ระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลก 6 ส.ค.
-เมื่อวานนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นถึง 268,744 คน ยอดรวมตอนนี้ 18,922,063 คน
สหรัฐฯ ติดเพิ่ม 53,306 คน รวมแล้ว 4,964,551 คน เสียชีวิตวันเดียวถึง 1,384 ราย พรุ่งนี้จะติดเชื้อรวมเกิน 5 ล้านคน
บราซิล ติดเพิ่ม 56,951 คน รวม 2,858,872 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 56,626 คน รวม 1,963,239 คน
รัสเซีย ติดเพิ่ม 5,204 คน รวม 866,627 คน
แอฟริกาใต้ ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 8,500 คน
เม็กซิโก ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 6,148 คน
เปรู ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 6,790 คน
พรุ่งนี้จะมีสถิติเกิดใหม่ 3 อย่างพร้อมกันคือ ทั่วโลกจะทะลุ 19 ล้านคน สหรัฐฯ จะติดเกิน 5 ล้านคน และอินเดียเกิน 2 ล้านคน
อัตราติดเชื้อตอนนี้ยังต่อเนื่อง 1 ล้านคนใน 4 วัน
สเปน เยอรมัน ฝรั่งเศส อิหร่าน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น ติดกันหลักพันถึงหลายพัน ที่น่าจับตาคือสิงคโปร์ พุ่งไปเกือบพัน อยู่ที่ 908 คน
ขณะที่ หลายประเทศในยุโรป รวมถึงออสเตรเลีย ยังติดกันหลักร้อย
ส่วนจีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย ฮ่องกง ติดกันหลักสิบ
ภาพรวมสถานการณ์ทั่วโลก โรคโควิด-19 ยังรุนแรงต่อเนื่อง หากพิจารณาดีๆ เหมือนจะมีจุดรุนแรงทุกทวีป ทั้งอเมริกา บราซิล แอฟริกาใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย รัสเซีย
การที่ไทยเราไม่มีเคสติดเชื้อในประเทศมานานกว่าสองเดือน ไม่ได้แปลว่าสังคมไทยเราปลอดเชื้อ ย้ำอีกครั้งว่า คนที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยคล้ายหวัด ทำให้ไม่ได้ไปตรวจว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ และสามารถแพร่ต่อให้ใครต่อใครได้ ปกติรับเชื้อมา จะใช้เวลากว่าจะเริ่มมีอาการประมาณ 4.5 วัน โดยสามารถแพร่ให้คนอื่นได้ตั้งแต่ช่วงก่อนจะมีอาการประมาณ 2.3 วัน บางประเทศที่ระบาดซ้ำ จู่ๆ ก็เจอเคสติดเชื้อวงกว้างทันทีทันใด พอสอบสวนโรคก็พบว่าเคสแรกๆ ที่เป็นก็ยังไม่รู้ว่ามาจากไหน จึงเป็นไปได้ว่ามีการติดเชื้อกันอยู่ในชุมชนโดยไม่รู้ตัว
เกณฑ์ของกรมควบคุมโรคฉบับล่าสุด 23 มิถุนายน 2563 นั้นระบุไว้ในข้อ 2.1 ว่าหากใครมีอาการคล้ายไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ อาการใดอาการหนึ่งตามที่ระบุ และมีประวัติเดินทางไปในที่ชุมชน ขนส่งสาธารณะ หรือมีอาชีพที่ต้องติดต่อพบปะผู้คน ก็สมควรที่จะตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย ตอนนี้หลายคนมีอาการคล้ายหวัด ไปหาหมอ แต่หมออาจไม่ได้ตรวจโควิด-19 ขอให้แจ้งหมอด้วย